ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: แรงซื้อหนุนดอลล์พุ่งเทียบสกุลเงินหลักๆ

ข่าวต่างประเทศ Thursday May 14, 2009 07:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและสกุลเงินหลักๆของโลก ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.) เนื่องจากยอดค้าปลีกที่ร่วงลงเกินคาดทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเรื่องทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐสหรัฐและแห่เข้าซื้อดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ขณะที่ค่าเงินยูโรได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้ถึงภาวะถดถอยในยุโรป

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลง 1.16% เมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 95.290 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 96.410 เยน/ดอลลาร์ แต่ฟื้นตัวขึ้น 0.45% เมื่อเทียบกับเงินฟรังค์ที่ 1.1073 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1057 ฟรังค์/ดอลลาร์

ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.45% แตะระดับ 1.3582 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันอังคารที่ 1.3643 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่เงินปอนด์ดิ่งลง 0.84% แตะระดับ 1.5143 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.5271 ดอลลาร์/ปอนด์

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดิ่งลง 1.76% แตะระดับ 0.7514 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.7649 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 2.38% แตะระดับ 0.5906 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.6050 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์

นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่ายอดค้าปลีกเดือนเม.ย.ร่วงลง 0.4% ซึ่งเป็นสถิติที่ร่วงลงติดต่อกัน 2 เดือน และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่ายอดค้าปลีกเดือนเม.ย.ของสหรัฐจะทรงตัว ส่วนยอดค้าปลีกที่ไม่รวมรถยนต์และอะไหล่รถยนต์ ร่วงลง 0.5% ในเดือนเม.ย.สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2%

ไมเคิล วูลฟอล์ค นักวิเคราะห์จากแบงค์ ออฟ นิวยอร์ก มิลเลียน คอร์ป กล่าวว่า ยอดค้าปลีกที่ร่วงลงเกินคาดทำให้นักลงทุนมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐไร้ทิศทาง จึงเข้าช้อนซื้อดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง และความกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจถดถอยมีมากขึ้นเมื่อ พอล ครุกแมน นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ประจำปี 2551 แสดงความคิดเห็นว่า โอกาสที่เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวในระยะใกล้นี้เป็นไปได้ยากมาก

บริษัท ไอเอ็นจี กรุ๊ป เอ็นวี ซึ่งเป็นธนาคารและบริษัทประกันรายใหญ่ของเนเธอร์แลนด์ เปิดเผยตัวเลขขาดทุนไตรมาสแรกมูลค่า 793 ล้านยูโร หรือ 1.08 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการขาดทุนติดต่อกัน 3 ไตรมาสเนื่องจากมูลค่าสินทรัพย์ของบริษัทปรับตัวลดลง ประกอบกับการตั้งบัญชีสำรองหนี้สูญวงเงินที่สูงขึ้น และต้นทุนการปรับโครงสร้างองค์กรที่เพิ่มขึ้นด้วย

ส่วนค่าเงินยูโรร่วงลงอย่างหนักหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของสหภาพยุโรปเปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของยุโรปหดตัวลง 2% ในเดือนมี.ค. ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึง 2 เท่า

ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลงหลังจากเมอร์วิน คิง ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ กล่าวว่า เศรษฐกิจของประเทศอาจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ และมีความเป็นไปได้สูงที่อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ต่ำกว่าระดับเป้าหมาย 2% ของรัฐบาล แม้ว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารเพิ่งตัดสินใจเดินหน้าโครงการผลิตธนบัตรเพิ่มก็ตาม

ผู้ว่าแบงก์ชาติอังกฤษกล่าวว่า เศรษฐกิจของประเทศที่บอบช้ำต้องอาศัยเวลาในการเยียวยารักษา การฟื้นตัวของเศรษฐกิจอังกฤษจึงมีแนวโน้มว่าจะยืดเยื้อยาวนานออกไป พร้อมกับชี้ว่า เศรษฐกิจของอังกฤษยังไม่น่าจะกลับมาขยายตัวได้จนกว่าจะถึงช่วงกลางปีหน้า ซึ่งล่าช้ากว่าที่คาดไว้ในตอนแรกว่าจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงปลายปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ