ก.ล.ต.สหรัฐเช็คบิลอดีต CEO"คันทรีไวด์ ไฟแนนเชียล" ชี้ต้นตอวิกฤตซับไพรม์

ข่าวต่างประเทศ Thursday May 14, 2009 10:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานในวันนี้ว่า นายแองเจโล โมซิโล อดีตซีอีโอของคันทรีไวด์ ไฟแนนเชียล คอร์ป สถาบันการเงินผู้ปล่อยกู้จำนองรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายกำกับดูแลด้านการเงินของสหรัฐยื่นมือเข้าตรวจสอบในข้อหาเป็นต้นตอของวิกฤตซับไพรม์ในสหรัฐ ซึ่งนายโมซิโลอาจเป็นผู้บริหารระดับสูงคนแรกของสถาบันการเงินที่ถูกตรวจสอบในกรณีดังกล่าว

คันทรีไวด์ ไฟแนนเชียล เผชิญวิกฤตการณ์ทางการเงินอย่างหนักจนต้องขายกิจการให้กับแบงค์ ออฟ อเมริกา หลังจากที่บริษัทขาดทุนอย่างหนักติดต่อกันหลายไตรมาส และได้ถูกอัยการประจำรัฐแคลิฟอร์เนียและอิลลินอยส์ยื่นมือเข้าตรวจสอบนโยบายการอนุมัติวงเงินกู้ของคันทรีไวด์ และขยายผลไปสู่การตรวจสอบหาข้อเท็จจริงที่ว่าเพราะเหตุใดลูกค้าของคันทรีไวด์จึงได้รับอนุมัติเงินกู้ทั้งๆไม่มีคุณสมบัติที่จะชำระเงินคืนได้

วอลล์สตรีท เจอร์นัลระบุว่า อัยการประจำคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของสหรัฐยืนยันว่า นายโมซิโลได้ยื่นเอกสารทางการเงินที่เป็นเท็จต่อก.ล.ต.และยังละเมิดกฏของก.ล.ต.ด้วยการเปิดทางให้มีการซื้อขายหุ้นโดยใช้ข้อมูลวงใน หรือ insider-trading และปกปิดข้อมูลที่แท้จริงต่อนักลงทุน

อัยการยังกล่าวด้วยว่า นายโมซิโลซึ่งก่อตั้งคันทรีไวด์ ไฟแนนเชียลในปีพ.ศ.2512 จนทำให้คันทรีไวด์กลายเป็นบริษัทปล่อยกู้จำนองรายใหญ่สุดของสหรัฐ มีส่วนทำให้เกิดปัญหาซับไพรม์ในสหรัฐซึ่งเป็นเหตุให้เศรษฐกิจถดถอยจนยากที่จะเยียวยา นอกจากนี้ วิกฤตซับไพรม์ยังผลให้มูลค่าหุ้นของคันทรีไวด์ดิ่งลงกว่า 90% จนต้องประกาศล้มละลายและขายกิจการให้กับแบงค์ ออฟ อเมริกาในที่สุด

ทั้งนี้ ก.ล.ต.สหรัฐได้ส่งหนังสือแจ้งความเอาผิดทางกฎหมายให้กับนายโมซิโล อย่างไรก็ตาม ทนายความของนายโมซิโลยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นจนถึงขณะนี้

บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ เคยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า คันทรีไวด์ ไฟแนนเชียล มีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดวิกฤตการณ์ซับไพร์มในสหรัฐ พร้อมกับตำหนิผู้บริหารของคันทรีไวด์ที่ได้รับเงินโบนัสหลายล้านดอลลาร์ แต่กลับปล่อยให้พนักงานถูกตัดเงินบำเน็จบำนาญ และทำให้กลุ่มเจ้าของบ้านในสหรัฐถูกบีบให้ต้องขายบ้าน

"เกิดอะไรขึ้นกับคันทรีไวด์ ไฟแนนเชียล คำตอบก็คือการขาดความรับผิดชอบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและทำให้จำนวนบ้านที่ถูกยึดพุ่งสูงขึ้น ประชาชนกว่า 2 ล้านคนอาจต้องสูญเสียบ้าน" โอบามากล่าว สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ