รมว.พลังงาน ระบุปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตน้ำมันวันนี้ไม่กระทบราคาขายปลีก

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday May 14, 2009 12:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน ระบุประชาชนจะไม่ได้รับผลกระทบเรื่องราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ หลัง พ.ร.ก.ขยายเพดานพิกัดภาษีสรรพสามิตน้ำมันทุกประเภทจากลิตรละ 5 บาท เป็น 10 บาท มีผลบังคับใช้แล้ว โดยกระทรวงการคลังได้ออกประกาศเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันทุกประเภทเพิ่มขึ้นเบื้องต้นลิตรละ 2 บาท

ขณะที่กระทรวงพลังงานจะปรับลดการเรียกเก็บเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงทุกประเภทลงให้สอดคล้องในอัตราเดียวกับที่มีการปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิต ซึ่งช่วยให้ไม่กระทบต่อราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ โดยกองทุนน้ำมันฯ จะสูญเสียรายได้ราวเดือนละ 1,700-1,800 ล้านบาท

"ปัจจุบันฐานะกองทุนน้ำมันฯ มีเงินสด 2.5 หมื่นล้านบาท แต่ก็มีภาระหนี้ที่ต้องชดเชย เช่น การนำเข้าก๊าซหุงต้ม ชดเชยพลังงานทดแทนรวม 10,000 ล้านบาท จึงเหลือเงินสด 1.5 หมื่นล้านบาท โดยการชดเชยการขึ้นภาษีน้ำมัน 2 บาทต่อลิตร คาดว่าจะต้องใช้เงิน 5,400 ล้านบาท และเมื่อหักจากวงเงินนำเข้าที่คาดว่าจะมี 3,600 ล้านบาทต่อเดือน ทำให้รายได้เงินกองทุนลดลง 1,700-1,800 ล้านบาทต่อเดือน"นพ.วรรณรัตน์ กล่าว

รมว.พลังงาน กล่าวว่า จะนำเงินกองทุนน้ำมันฯ มาใช้ชดเชยในช่วงที่มีการเปลี่ยนผ่านภาษีเพียงเดือนเดียว หลังจากนั้นจะทยอยเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ให้กลับสู่ระดับปกติตามเดิมเพื่อให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งคาดว่าจะทยอยปรับขึ้นประมาณ 3 ครั้งๆ ละ 60-70 สตางค์ ในช่วงที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง

"กระทรวงพลังงานคงต้องปรับขึ้นเงินนำส่งกองทุนน้ำมันฯ เพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เพราะหากชดเชยต่อไปเรื่อยๆ อาจทำให้ประชาชนใช้น้ำมันฟุ่มเฟือย ไม่ประหยัด และจะมีผลต่อการนำเข้าน้ำมันของไทย" นพ.วรรณรัตน์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม รมว.พลังงาน กล่าวว่า ช่วงนี้ราคาน้ำมันเป็นช่วงขาขึ้น และหากราคาน้ำมันยังสูงขึ้นต่อไปก็คงต้องพิจารณาอีกครั้งว่าจะต้องยืดเวลาการบริหารจัดการนานกว่า 1 เดือนหรือไม่ และหากราคาน้ำมันยังสูงต่อไปอีกก็ต้องพิจารณาอีกครั้งว่าจะต้องลดเงินนำส่งกองทุนน้ำมันฯ ในอนาคตหรือไม่ แต่ขณะนี้ยังไม่มีแผนขยับเพดานการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ซึ่งมีอัตราสูงสุดที่ลิตรละ 7 บาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ