หนังสือพิมพ์เซี่ยงไฮ้ ซิเคียวริตีส์ นิวส์รายงานว่า เจนเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ป ค่ายรถยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ เตรียมส่งออกรถยนต์ที่ผลิตจากโรงงานในประเทศจีนไปยังตลาดสหรัฐภายใน 2 ปี เป็นจำนวนทั้งสิ้น 17,335 คัน และจะเพิ่มการส่งออกรถยนต์ที่ผลิตจากจีนกว่า 5.1 หมื่นคันภายในปีพ.ศ.2557 ซึ่งอลัน รอยเธอร์ ประธานสหภาพแรงงานอุตสาหกรรมรถยนต์แห่งสหรัฐ มองว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะก่อให้เกิดปัญหาทางการเมืองระหว่างค่ายจีเอ็มและทำเนียบขาว
"หากจีเอ็มส่งออกรถยนต์ที่ผลิตจากโรงงานจีนไปยังตลาดสหรัฐจริงตามที่เป็นข่าว ก็จะทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย เพราะจีเอ็มยังต้องรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐกว่า 1.54 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งรัฐบาลให้เงินช่วยเหลือก็เพราะต้องการช่วยเหลือพนักงานในโครงสร้างของจีเอ็มกว่า 90,000 คน" รอยเธอร์กล่าว
สหภาพแรงงานอุตสาหกรรมรถยนต์แห่งสหรัฐระบุว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้านี้จีเอ็มวางแผนที่จะส่งออกรถยนต์ที่ผลิตจากโรงงานในจีน เม็กซิโก เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ไปยังตลาดสหรัฐเพิ่มเป็น 2 เท่า ขณะที่นายรอยเธอร์ท้วงติงว่า จีเอ็มไม่ควรนำเงินภาษีราษฎรไปสนับสนุนแรงงานในประเทศอื่นๆ
ขณะที่ ฮาร์ลีย์ ไชเคน อาจารย์มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเบิร์กลีย์ กล่าวว่า "การที่จีเอ็มนำเข้ารถยนต์ที่ผลิตในประเทศอื่นๆและส่งต่อไปขายในตลาดสหรัฐจะส่งผลให้จีเอ็มติดบ่วงปัญหาทางการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะการที่จีเอ็มมีเงินดำเนินกิจการอยู่ได้ทุกวันนี้ก็เพราะเงินภาษีจากประชาชนชาวอเมริกัน และประเด็นการเมืองถือเป็นประเด็นที่อ่อนไหวมาก ทางออกที่ดีที่สุดของจีเอ็มในเวลานี้คือการลดต้นทุน แต่การนำเข้ารถยนต์จากจีนหรือประเทศอื่นๆก็เท่ากับเป็นการส่งเสริมการจ้างงานในต่างประเทศ ซึ่งสวนทางกับรัฐบาลสหรัฐที่ต้องการรักษาตำแหน่งให้กับคนงานในประเทศ"
อย่างไรก็ตาม นายทอม วิลคินสัน โฆษกจีเอ็ม ไม่ได้ออกมายอมรับหรือปฏิเสธรายงานข่าวดังกล่าวจนถึงขณะนี้ ขณะที่ทำเนียบขาวและกระทรวงการคลังสหรัฐก็ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้เช่นกัน
จอห์น เพรสท์โบ ผู้บริหารบริษัท Dow Jones Indexes เปิดเผยว่า หุ้นของจีเอ็มอาจถูกถอนออกจากการซื้อขายในดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เนื่องจากจีเอ็มมีความเสี่ยงที่จะล้มละลายหรือถูกปรับโครงสร้างองค์กร ซึ่งหมายความว่ามูลค่าหุ้นหรือกลุ่มผู้ถือหุ้นของจีเอ็มต้องสิ้นสุดลงไปด้วย หลังจากหุ้นจีเอ็มเข้าเทรดในดัชนีดาวโจนส์มานานเกือบ 74 ปี สำนักข่าวเอพีรายงาน