โซนี่ คอร์ป ประสบภาวะขาดทุนเป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี ด้วยตัวเลขขาดทุนสุทธิ 9.89 หมื่นล้านเยนในปีงบการเงิน 2551 ซึ่งสิ้นสุดในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นและยอดขายที่ทรุดลงอย่างหนักท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ
โดยแถลงการณ์ของโซนี่ระบุว่า ยอดขายของบริษัทร่วงลง 12.9% มาอยู่ที่ 7.73 ล้านล้านเยน นอกจากนี้ บริษัทยังขาดทุนจากการดำเนินงานสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 2.27 แสนล้านเยนด้วย
พร้อมกันนี้ โซนี่ยังได้ประเมินด้วยว่า บริษัทจะขาดทุนเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันในปีงบการเงินปัจจุบันซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนมี.ค.2553 โดยคาดว่า จะขาดทุนสุทธิ 1.2 แสนล้านเยน (1.26 พันล้านดอลลาร์) และขาดทุนจากการดำเนินงาน 1.10 แสนล้านเยน เนื่องจากความต้องการสินค้าที่ร่วงลงทั่วโลกบีบให้บริษัทจำเป็นต้องลดราคาผลิตภัณฑ์หลายตัว รวมถึงกล้องถ่ายรูป Cyber-shot และโทรทัศน์รุ่น Bravia
นักวิเคราะห์เชื่อว่า การขาดทุนของผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่อันดับ 2 ของโลก อาจทำให้ฮาวเวิร์ด สตริงเกอร์ ซีอีโอของโซนี่ต้องหันมาเน้นที่การลดต้นทุนแทนการลงทุนในผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพราะแม้ว่าการลดพนักงานและการปิดโรงงานอาจช่วยให้บริษัทประหยัดต้นทุนการดำเนินงานได้ในปีนี้ แต่โซนี่ก็ยังถูกคู่แข่งทิ้งห่างหลายขุม โดยยอดขาย PlayStation 3 ยังตามหลังยอดขายเครื่องเล่นเกมของบริษัทนินเทนโด และยอดขายโทรทัศน์ของโซนี่ก็ยังสู้ของซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ไม่ได้