สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ปรับลดการคาดการณ์ความต้องการน้ำมันต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 แล้ว โดยคาดว่าการบริโภคน้ำมันในปีนี้จะร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2524 เนื่องจากเศรษฐกิจยังคงถดถอย
IEA ระบุว่า ดีมานด์น้ำมันทั่วโลกในปีนี้จะปรับตัวลงเหลือ 83.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลดลง 3% จากปีที่แล้ว และต่ำกว่าระดับคาดการณ์เมื่อเดือนที่แล้ว 230,000 บาร์เรลต่อวัน โดยการคาดการณ์ของ IEA มีขึ้นหลังจากที่วานนี้ โอเปคก็เพิ่งปรับลดคาดการณ์ดีมานด์น้ำมันปี 2552 ลงเหลือ 84.03 ล้านบาร์เรลต่อวัน
โดย IEA ประเมินว่าความต้องการน้ำมันในประเทศที่พัฒนาแล้วจะอ่อนตัวลงมากที่สุด และคาดว่าการบริโภคน้ำมันจะอ่อนตัวลง 5.1% ในปีนี้ เมื่อพิจารณาจากดีมานด์น้ำมันเดือนเม.ย.ที่อ่อนตัวลงมาก นำโดยสหรัฐ และตามมาด้วย ยุโรป
เดวิด ฟิฟ ผู้อำนวยการฝ่ายตลาดและอุตสาหกรรมน้ำมันของ IEA กล่าวว่า ความต้องการน้ำมันยังคงอ่อนตัวลงอย่างมาก และมองว่าเวลานี้ยังเร็วเกินไปที่จะพูดได้ว่าเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้นแล้ว
บลูมเบิร์กรายงานว่า ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น 34% แล้วในปีนี้ และราคาซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กสัปดาห์นี้อยู่สูงกว่าระดับ 60 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ซึ่งเป็นผลมาจากการคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว รวมถึงการลดการผลิตของโอเปค
อย่างไรก็ตาม สำรองน้ำมันดิบสหรัฐยังคงอยู่ใกล้ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2544 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยทำให้ความต้องการน้ำมันหดตัวลง ขณะที่การผลิตน้ำมันดิบของโอเปคเริ่มจะปรับตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นดึงดูดให้ประเทศสมาชิกผลิตน้ำมันสูงกว่าโควต้า
IEA ระบุว่า สำรองน้ำมันดิบในประเทศพัฒนาแล้วอยู่ในระดับสูงสุด และคิดเป็นสัดส่วนเทียบเท่ากับการใช้น้ำมันเป็นเวลา 62 วัน ตั้งแต่ไตรมาส 1 ของปีนี้ ส่วนการใช้น้ำมันในประเทศกำลังพัฒนาคาดว่าจะหดตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2547 เนื่องจากเศรษฐกิจจีนและรัสเซียยังคงอ่อนตัว โดยดีมานด์ของประเทศกำลังพัฒนาโดยเฉลี่ยคาดว่าจะอยู่ที่ 38.1 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ ลดลงไป 0.4% หรือ 140,000 บาร์เรลต่อวันเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว