(เพิ่มเติม) รมว.พลังงาน ระบุปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตน้ำมันวันนี้ไม่กระทบราคาขายปลีก

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday May 14, 2009 16:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน ระบุประชาชนจะไม่ได้รับผลกระทบเรื่องราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ หลัง พ.ร.ก.ขยายเพดานพิกัดภาษีสรรพสามิตน้ำมันทุกประเภทจากลิตรละ 5 บาท เป็น 10 บาท มีผลบังคับใช้แล้ว โดยกระทรวงการคลังได้ออกประกาศเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันทุกประเภทเพิ่มขึ้นเบื้องต้นลิตรละ 2 บาท

ขณะที่กระทรวงพลังงานจะปรับลดการเรียกเก็บเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงทุกประเภทลงให้สอดคล้องในอัตราเดียวกับที่มีการปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิต ซึ่งช่วยให้ไม่กระทบต่อราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ โดยกองทุนน้ำมันฯ จะสูญเสียรายได้ราวเดือนละ 1,700-1,800 ล้านบาท

"ปัจจุบันฐานะกองทุนน้ำมันฯ มีเงินสด 2.5 หมื่นล้านบาท แต่ก็มีภาระหนี้ที่ต้องชดเชย เช่น การนำเข้าก๊าซหุงต้ม ชดเชยพลังงานทดแทนรวม 10,000 ล้านบาท จึงเหลือเงินสด 1.5 หมื่นล้านบาท โดยการชดเชยการขึ้นภาษีน้ำมัน 2 บาทต่อลิตร คาดว่าจะต้องใช้เงิน 5,400 ล้านบาท และเมื่อหักจากวงเงินนำเข้าที่คาดว่าจะมี 3,600 ล้านบาทต่อเดือน ทำให้รายได้เงินกองทุนลดลง 1,700-1,800 ล้านบาทต่อเดือน"นพ.วรรณรัตน์ กล่าว

รมว.พลังงาน กล่าวว่า จะนำเงินกองทุนน้ำมันฯ มาใช้ชดเชยในช่วงที่มีการเปลี่ยนผ่านภาษีเพียงเดือนเดียว หลังจากนั้นจะทยอยเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ให้กลับสู่ระดับปกติตามเดิมเพื่อให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งคาดว่าจะทยอยปรับขึ้นประมาณ 3 ครั้งๆ ละ 60-70 สตางค์ ในช่วงที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง

"กระทรวงพลังงานคงต้องปรับขึ้นเงินนำส่งกองทุนน้ำมันฯ เพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เพราะหากชดเชยต่อไปเรื่อยๆ อาจทำให้ประชาชนใช้น้ำมันฟุ่มเฟือย ไม่ประหยัด และจะมีผลต่อการนำเข้าน้ำมันของไทย" นพ.วรรณรัตน์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม รมว.พลังงาน กล่าวว่า ช่วงนี้ราคาน้ำมันเป็นช่วงขาขึ้น และหากราคาน้ำมันยังสูงขึ้นต่อไปก็คงต้องพิจารณาอีกครั้งว่าจะต้องยืดเวลาการบริหารจัดการนานกว่า 1 เดือนหรือไม่ และหากราคาน้ำมันยังสูงต่อไปอีกก็ต้องพิจารณาอีกครั้งว่าจะต้องลดเงินนำส่งกองทุนน้ำมันฯ ในอนาคตหรือไม่ แต่ขณะนี้ยังไม่มีแผนขยับเพดานการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ซึ่งมีอัตราสูงสุดที่ลิตรละ 7 บาท

สำหรับอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงใหม่จะเป็นดังนี้ เบนซิน 95 และ 91 เพิ่มจาก 5.00 บาท/ลิตร เป็น 7.00 บาท/ลิตร, แก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 เพิ่มจาก 4.50 บาท/ลิตร เป็น 6.30 บาท/ลิตร, แก๊สโซฮอล์ 95 E20 เพิ่มจาก 4.00 บาท/ลิตร เป็น 5.60 บาท/ลิตร, แก๊สโซฮอล์ 95(E85) เพิ่มจาก 0.75 บาท/ลิตร เป็น 1.05 บาท/ลิตร, ดีเซลหมุนเร็ว B2 เพิ่มจาก 3.305 บาท/ลิตร เป็น 5.31 บาท/ลิตร และดีเซลหมุนเร็ว B5 เพิ่มจาก 2.19 บาท/ลิตร เป็น 5.04 บาท/ลิตร

การใช้เงินในกองทุนน้ำมันฯ เข้าไปอุดหนุนราคาน้ำมันเพื่อไม่ให้ราคาขายปลีกเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ได้มีการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ใหม่ ดังนี้ เบนซิน 95 จากเดิมเรียกเก็บ 7.00 บาท/ลิตร ลดลงเหลือ 4.80 บาท/ลิตร, เบนซิน 91 จากเดิมเรียกเก็บ 5.70 บาทต่อลิตร ลดลงเหลือ 3.50 บาท/ลิตร, แก๊สโซฮอล์ 95 จากเดิมเรียกเก็บ 2.35 บาท/ลิตร ลดลงเหลือ 0.37 บาท/ลิตร, แก๊สโซฮอล์ 91 จากเดิมเรียกเก็บ 1.75 บาท/ลิตร เป็น 0.23 บาท/ลิตร

แก๊สโซฮอล์ 95 (E20) จากเดิมชดเชย 0.30 บาทต่อลิตร เพิ่มการชดเชยเป็น 2.06 บาท/ลิตร, แก๊สโซฮอล์ 95 (E85) จากเดิมชดเชย 8.00 บาท/ลิตร เพิ่มการชดเชยเป็น 8.33 บาท/ลิตร, ดีเซลหมุนเร็ว B2 จากเดิมเรียกเก็บ 1.70 บาท/ลิตร เป็นชดเชย 0.50 บาท/ลิตร และดีเซลหมุนเร็ว B5 จากเดิมชดเชย 0.20 บาทเพิ่มการชดเชยเป็น 3.33 บาท/ลิตร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ