เม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติในจีนร่วงลงเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกันเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว หลังภาคเอกชนต่างลดการใช้จ่ายเพื่อรับมือกับวิกฤตการเงินโลกครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
โดยกระทรวงพาณิชย์รายงานว่า เม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติร่วงลง 22.5% แตะ 5.89 พันล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย. หลังจากที่ลดลง 9.5% ในเดือนมี.ค. และสำหรับในช่วง 4 เดือนแรกของปี ตัวเลขดังกล่าวลดลง 21% เหลือ 2.767 หมื่นล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวน (5.86 แสนล้านดอลลาร์) ของนายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า อาจช่วยกระตุ้นการลงทุนของบริษัทจีน บริษัทต่างชาติ และกระตุ้นเศรษฐกิจได้ นอกจากนั้นข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ได้รับการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ยังระบุว่า การใช้จ่ายของภาคโรงงานและอสังหาริมทรัพย์ทะยาน 30.5% ในช่วง 4 เดือนแรกของปี ส่วนการปล่อยสินเชื่อก็ทะยานแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
"ตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าบริษัทข้ามชาติต่างรัดเข็มขัดกันทั่วโลก" เดวิด โคเฮน นักวิเคราะห์จากบริษัท แอคชั่น อีโคโนมิกส์ ในสิงคโปร์ กล่าว "อย่างไรก็ตาม มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนอาจช่วยกระตุ้นการลงทุนได้"
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า บริษัทต่างชาติหรือบริษัทที่มีต่างชาติถือหุ้นมีสัดส่วน 30% ของผลผลิตอุตสาหกรรม, 55% ของการค้า และ 11% ของตำแหน่งงานในเมืองทั้งหมด สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน