เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ (Temasek Holdings Pte) กองทุนเพื่อการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์ ได้ขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ในแบงก์ ออฟ อเมริกา ตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา ตามที่ระบุในเอกสารที่เทมาเส็กยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ
ด้านโฆษกหญิงของเทมาเส็กยืนยันข่าวการถอนหุ้นดังกล่าว แต่ไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับราคาหุ้นที่ขายไป
ทั้งนี้ เทมาเส็กถือหุ้นในแบงก์ ออฟ อเมริกาจำนวน 188.8 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 2.6 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งหุ้นเหล่านั้นเกิดจากการแปรสภาพหุ้น 13.7% ที่เทมาเส็กถืออยู่ในเมอร์ริล ลินช์ เมื่อแบงก์ ออฟ อเมริกาเข้าซื้อกิจการเมอร์ริล ลินช์ เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2552
โดยในระหว่างวันที่ 1 ม.ค. - 31 มี.ค. หุ้นของแบงก์ ออฟ อเมริกา เทรดอยู่ในช่วงราคา 2.53 - 14.81 ดอลลาร์ และปิดที่ราคา 11.31 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
เทมาเส็กถือเป็นหนึ่งในกองทุนภาครัฐที่ใหญ่ที่สุดในโลกโดยมีกระทรวงการคลังของสิงคโปร์เป็นผู้ถือหุ้นเพียงรายเดียว อย่างไรก็ตาม บริษัทได้รับผลกระทบอย่างมากจากการดิ่งลงของราคาหุ้นกลุ่มธนาคารที่บริษัทได้เข้าไปลงทุน โดยมูลค่าการลงทุนของเทมาเส็กหดหายไปประมาณ 3.9 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 31% ในช่วงเดือนมี.ค.-พ.ย.ปีที่แล้ว เหลือ 8.5 พันล้านดอลลาร์
เทมาเส็กเข้าลงทุนในบริษัทการเงินหลายแห่ง รวมถึงสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด, ดีบีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และบาร์เคลย์ส นอกจากนี้ ยังถือครองหุ้นในบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง สิงคโปร์ เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ (สิงเทล) และ สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ด้วย