สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1 หดตัวลงมากที่สุดในรอบกว่า 40 ปี หลังจากที่วิกฤตการเงินโลกส่งผลกระทบต่อดีมานด์สินค้าส่งออกและการลงทุน โดย GDP หดตัวลง 3.8% จากระดับไตรมาส 4 ที่ร่วงลง 2.2% ซึ่งถือเป็นสถิติที่ร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่ที่ได้มีการรวบรวมข้อมูลเมื่อปี 2513 และเมื่อเปรียบเทียบกับการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่บลูมเบิร์กได้สำรวจความคิดเห็นและคาดการณ์ว่า จะอ่อนตัวลง 3% และยังเป็นสถิติที่หดตัวลงอย่างต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 4
ทั้งนี้ เงินยูโรร่วงลงจากข่าวดังกล่าวมาอยู่ที่ 1.3592 ดอลลาร์
นางแองเจลา เมอร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจเยอรมนีจะหดตัวลง 6% ในปีนี้ ได้ใช้งบประมาณ 8.2 หมื่นล้านยูโร หรือ 1.12 แสนล้านดอลลาร์เพื่อดึงเศรษฐกิจของประเทศออกจากภาวะเศณษฐกิจถดถอยครั้งเลวร้ายสุดนับตั้งแต่สงครามโลกที่ 2 ขณะที่มีสัญญาณบ่งชี้เรื่องการฟื้นตัว ขณะที่ยอดสั่งซื้อภาคการผลิตเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือนเมื่อเดือนมี.ค. ส่วนความเชื่อมั่นทางธุรกิจก็ดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 26 ปีเมื่อเดือนเม.ย.
เอ็กเซล เวเบอร์ ประธานบุนเดสแบงค์ กล่าวว่า ตอนนี้มีข้อมูลที่ช่วยสนับสนุนมุมมองที่ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจที่อ่อนตัวลงนั้นจะฟื้นตัวขี้นในอนาคตอันใกล้นี้ แต่ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าการฟื้นตัวขึ้นนี้จะอยู่กรอบที่มั่นคงและปลอดภัยหรือไม่ แต่การฟื้นตัวคงจะเกิดขึ้นในลักษณะที่ค่อยเป็นค่อยไป
เศรษฐกิจของเยอรมนีในไตรมาสแรกที่ร่วงลงนี้เนื่องมาจากการส่งออกและการลงทุนที่หดตัวลง การใช้จ่ายของผู้บริโภคและรัฐบาลขยับขึ้นเล็กน้อยในไตรมาสดังกล่าว