นายเดวิด คอทซ์ ผู้อำนวยการฝ่ายสอบสวนของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) เปิดเผยว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ และสำนักงานสืบสวนสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) กำลังตรวจสอบเพื่อหาหลักฐานว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย 2 คนของ SEC ใช้ข้อมูลวงในเพื่อเก็งกำไรในตลาดหุ้นนิวยอร์กหรือไม่
นายคอทซ์ได้ยื่นคำร้องดังกล่าวต่อสำนักงานอัยการสหรัฐหลังจากพบหลักฐานชี้ว่าเจ้าหน้าที่ทั้งสองใช้ข้อมูลวงในซื้อขายหุ้นอย่างผิดกฎหมาย ขณะที่เจ้าหน้าที่ทั้งสองของ SEC ยังคงทำงานให้กับองค์กรดังกล่าวและปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา รายงานดังกล่าวสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ด้านความสัตย์ซื่อของ SEC อย่างมาก หลังจากก่อนหน้านี้ SEC ถูกวิพากวิจารณ์อย่างหนักในกรณีหย่อนยานเรื่องการตรวจสอบกองทุนแชร์ลูกโซ่ของเบอร์นาร์ด มาดอฟฟ์
วิกฤติศรัทธาที่เกิดขึ้นใน SEC บีบให้นายคริสโตเฟอร์ ค็อกซ์ ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งประธาน SEC เพื่อแสดงความรับผิดชอบที่ SEC หย่อนยานในการตรวจสอบกองทุนแชร์ลูกโซ่ที่ผิดกฎหมายของมาดอฟฟ์ และเพื่อเปิดทางให้นางแมรี่ ชาปิโร ซีอีโอคณะกรรมการกำกับดูแลอุตสาหกรรมการเงิน (FINRA) ได้ทำหน้าที่ในตำแหน่งดังกล่าวแทน โดยบทบาทหน้าที่ประธาน SEC ของค็อกซ์ถดถอยลงนับตั้งแต่การล้มละลายของวาณิชธนกิจแบร์ สเติร์นส และเลห์แมน บราเธอร์ส
ทั้งนี้ นางชาปิโรในฐานะประธาน SEC คนใหม่ยืนยันว่า จะให้ความสำคัญเรื่องจริยธรรมและความโปร่งใสขององค์กรเป็นลำดับแรก เพราะความน่าเชื่อถือของ SEC สั่นคลอนลงนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว เมื่อธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจเข้าอุ้มกิจการแบร์ สเติร์นส และเริ่มยื่นมือเข้าตรวจสอบวาณิชธนกิจที่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของ SEC จากนั้นชื่อเสียงของ SEC ถูกกระทบอย่างหนักอีกครั้งเมื่อเกิดการล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์ส, เมอร์ริล ลินช์ขายกิจการให้กับแบงค์ ออฟ อเมริกา และโกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนลีย์ ขอเปลี่ยนสถานะเป็นธนาคาร สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน