รัฐบาลฮ่องกงเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัวติดลบ 7.8% ในไตรมาสแรก ซึ่งเป็นการหดตัวมากที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินเอเชียเมื่อกว่าสิบปีก่อน โดยมีปัจจัยมาจากการส่งออกที่ทรุดลงอย่างหนักถึง 22.7% จากปีที่ผ่านมา
โดยข้อมูลล่าสุดที่บ่งชี้ถึงสภาพเศรษฐกิจอันเลวร้าย ส่งผลให้รัฐบาลฮ่องกงตัดสินใจปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจปีนี้ลงกว่าสองเท่าจากการประเมินครั้งก่อน โดยคาดว่าจีดีพีจะหดตัว 5.5 - 6.5% ในปี 2552 จากที่ก่อนหน้านี้คาดว่าจะหดตัว 2-3%
จอห์น ซัง รมว.คลังฮ่องกง กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวว่า การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจะไม่เกิดขึ้นในระยะใกล้นี้ แต่รัฐบาลคาดหวังว่าในไตรมาสสองของปีนี้น่าจะดีขึ้นกว่าไตรมาสแรก เนื่องด้วยตลาดหุ้นที่กลับมาดีดตัวคึกคักและความเชื่อมั่นที่ฟื้นตัวขึ้นในสหรัฐและยุโรป
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า เมื่อเดือนที่แล้ว ซังกล่าวว่า เขาจะนำมาตรการที่จำเป็นมาใช้อีกเพื่อกระตุ้นการเติบโต หลังจากที่ได้ใช้มาตรการลดภาษี ระงับการเก็บภาษีที่ดิน และเพิ่มการใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคไปแล้วก่อนหน้านี้