ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์พุ่งเทียบยูโร-ปอนด์ หลัง CPI สหรัฐทรงตัวเดือนเม.ย.

ข่าวต่างประเทศ Saturday May 16, 2009 07:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 พ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทรงตัวในเดือนเม.ย. ซึ่งทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐจะทุเลาลงในเร็วนี้ ขณะที่ค่าเงินยูโรถูกกดันอย่างหนักหลังจากรัฐบาลเยอรมนีรายงานว่าเศรษฐกิจหดตัวลงในไตรมาสแรก

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโรร่วงลง 1.09% แตะระดับ 1.3485 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.3633 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินปอนด์อ่อนตัวลง 0.36% แตะระดับ 1.5166 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.5221 ดอลลาร์/ปอนด์

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.78% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 95.120 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 95.870 เยน/ดอลลาร์ แต่พุ่งขึ้น 1.60% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.1221 ดอลลาร์/ฟรังค์ จากระดับ 1.1044 ดอลลาร์/ฟรังค์

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดิ่งลง 1.40% แตะระดับ 0.7491 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตเรลีย จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 0.7597 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตเรลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 1.93% แตะระดับ 0.5851 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.5966 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์

นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์สหรัฐเพราะเชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐจะคลี่คลายลง หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไป ทรงตัวในเดือนเม.ย. ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ หลังจากดัชนีร่วงลง 0.1% ในเดือนมี.ค. ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดพลังงานและอาหาร เพิ่มขึ้น 0.3% ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 9 เดือน

นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่า ผลผลิตของโรงงานอุตสาหกรรม เหมืองแร่ และสาธารณูปโภคภายในประเทศ ขยับลง 0.5% ในเดือนเม.ย. ซึ่งน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะหดตัวลง 0.6% หลังจากดิ่งลงอย่างหนักถึง 1.7% ในเดือนมี.ค.

ส่วนค่าเงินยูโรถูกกดดันอย่างหนัก หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1 หดตัวลงมากที่สุดในรอบกว่า 40 ปี หลังจากที่วิกฤตการเงินโลกส่งผลกระทบต่อดีมานด์สินค้าส่งออกและการลงทุน โดย GDP หดตัวลง 3.8% จากระดับไตรมาส 4 ที่ร่วงลง 2.2% ซึ่งถือเป็นสถิติที่ร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่ที่ได้มีการรวบรวมข้อมูลเมื่อปี 2513

ขณะที่สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรปในกรุงลักเซมเบิร์ก เปิดเผยว่า จีดีพีของกลุ่มประเทศยูโรโซนหดตัวลง 2.5% ในไตรมาสแรกของปีนี้ จากที่หดตัวเพียง 1.6% ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นสถิติที่ร่วงหนักสุดนับตั้งแต่มีการรวบรวมข้อมูลจีดีพีของกลุ่มยูโรโซนในปี 2538 และหดตัวลงมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะหดตัวเพียง 2%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ