ภาคเอกชนระบุไม่กังวลกรณีสภาผู้แทนราษฎรเลื่อนพิจารณา พ.ร.กให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ.2552 ในวงเงินไม่เกิน 4 แสนล้านบาทออกไปก่อน เพื่อรอคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญว่าการออก พ.ร.ก.ฉบับดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะเชื่อว่ารัฐบาลจะสามารถเดินหน้าแผนดังกล่าวได้โดยเร็ว
นายดุสิต นนทะนาคร ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า การดำเนินการของ ส.ส.ฝ่านค้าน ถือเป็นสิ่งที่สามารถทำได้เพื่อให้เกิดความชัดเจน ซึ่งหากศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าสามารถกระทำได้ รัฐบาลก็ควรจะเดินหน้าแผนการดังกล่าวโดยเร็ว
เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจของไทยในขณะนี้เกิดขึ้นพร้อมกับทั่วโลก และทุกประเทศกำลังออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้นหากประเทศไทยดำเนินการล่าช้าก็อาจจะทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ช้ากว่าประเทศอื่นได้ แม้ที่ผ่านมารัฐบาลจะพยายามออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาต่อเนื่อง เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้
ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ขณะเดียวกันภาคเอกชนเองควรหาแนวทางช่วยเหลือตัวเองไว้ก่อน เพราะปัจจุบันรัฐบาลก็พยายามที่จะแก้ไขปัญหาทางการเมือง เพื่อสร้างเสถียรภาพทางการเมืองก่อน
ด้านนายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)มั่นใจว่า รัฐบาลจะสามารถผลักดันให้ พ.ร.ก.ดังกล่าวผ่านการพิจารณาของที่ประชุมผู้แทนราฎรไปให้ได้ แม้ต้องเลื่อนพิจารณาออกไปก่อนเพื่อรอฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่เชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นาน
การกู้เงินดังกล่าวของรัฐบาลถือเป็นเรื่องจำเป็นเพราะต้องกระตุ้นการลงทุน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการ และนักลงทุนจากต่างชาติ เพราะที่ผ่านมา 2-3 ปี ประเทศไทยไม่มีโครงการใหม่ๆ เกิดขึ้นเลย และเชื่อว่าไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาลก็ต้องดำเนินการแบบเดียวกันทั้งการกู้เงินและการขึ้นภาษี