ซิตี้กรุ๊ป คาดว่า การซื้อขายสกุลเงินเอเชียกำลังฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 2 ของปีนี้ ขณะที่ผู้จัดการกองทุนทั่วโลกทุ่มเงินลงทุนเข้ามาในตลาดหุ้นและพันธบัตรของเอเชีย โดยปริมาณการซื้อขายเงินตราต่างประเทศของซิตี้กรุ๊ปในเอเชีย แปซิฟิค อาจจะเพิ่มขึ้นประมาณ 10% จากระดับไตรมาส 1 โดยระบบการซื้อขายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกแบบใหม่สำหรับสถาบันการเงินต่างๆหรือ Citi FXVelocity นั้น ได้รับทำธุรกรรมมูลค่า 2.25 พันล้านดอลลาร์ต่อวันแล้วในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค
โรดริโก ซอร์ริลลา หัวหน้าฝ่ายตลาดเอเชียแปซิฟิค ให้สัมภาษณ์ว่า ปริมาณการซื้อขายยังคงช่วยสนับสนุนการซื้อขายสกุลเงินเอเชียให้มีกำไรได้ต่อไป สำหรับระยะยาวนั้น การขยายตัวของการซื้อขายสกุลเงินเอเชียจะช่วยสนับสนุนราคาสินทรัพย์ได้ดีกว่า และยังช่วยปรับปรุงระบบการซื้อขายภายในภูมิภาคด้วยเช่นกัน
บลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี MSCI Asia Pacific Index ซึ่งเป็นมาตรวัดหุ้นในเอเชียแปซิฟิคนั้น ปรับตัวขึ้น 22% แล้วในไตรมาสนี้ ขณะที่นักลงทุนได้กลับเข้ามาลงทุนในเอเชีย หลังจากที่เลห์แมน บราเธอร์ส ล้มละลายไปเมื่อปีที่แล้ว ส่งผลให้นักลงทุนถือเงินดอลลาร์สหรัฐไว้ และทุ่มเงินลงทุนกับตราสารหนี้แทย โดยตลาดเงินก็มีเสถียรภาพมากขึ้น หลังจากที่ปริมาณการซื้อขายเบาบางลงในช่วงวิกฤตสินเชื่อโลก
กองทุนต่างๆที่ได้ลงทุนในตลาดเกิดใหม่นั้น สามารถดึงดูดเงินสดได้ 1.42 หมื่นล้านดอลลาร์ในรอบปีมาจนถึงวันที่ 6 พ.ค. ขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วมีเงินทุนไหลออก 5.82 หมื่นล้านดอลลาร์ ทางด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศคาดการณ์ไว้เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ว่า เศรษฐกิจประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียคาดว่าจะขยายตัว 4.8% ในปีนี้ แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะหดตัวลง 1.3% ก็ตาม
ซอร์ริลลา เจ้าหน้าที่ของซิตี้กรุ๊ป กล่าวว่า ผู้จัดการกองทุนยังคงกำเงินสดอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้น ปริมาณการซื้อขายจึงมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยความเคลื่อนไหวในด้านสกุลเงินเองก็มีเสถียรภาพมากขึ้น