เงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียววันนี้ หลังมีกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรปอาจเพิ่มมาตรการสกัดกั้นภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากขึ้น ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนไม่ต้องการซื้อสินทรัพย์ในรูปสกุลเงินยูโร
โดยในวันนี้เงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินส่วนใหญ่ที่ซื้อขายกันในตลาดโดยบรรยากาศการซื้อขายถูกปกคลุมด้วยความหวั่นวิตกที่ว่าเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของอีซีบีจะมีความเห็นไม่ตรงกันเกี่ยวกับโครงการซื้อพันธบัตรรวมถึงแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่การแข็งค่าของเงินเยนและเงินดอลลาร์อาจเป็นไปอย่างจำกัด ก่อนที่รัฐบาลสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านที่อาจดีดตัวขึ้นในเดือนเม.ย.ซึ่งจะหนุนให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 10:28 น.ตามเวลาโตเกียว เงินยูโรอ่อนค่าลงแตะที่ 130.29 เยน/ยูโร จากระดับ 130.61 เยน/ยูโรที่ตลาดนิวยอร์กวานนี้ และร่วงลงมาอยู่ที่ 1.3540 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.3562 ดอลลาร์/ยูโร ส่วนเงินดอลลาร์ซื้อขายกันที่ 96.17 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 96.30 เยน/ดอลลาร์
เท็ตโทมุ โซมะ นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์โอกาซัง ซีเคียวริตี้กล่าวว่า "ธนาคารกลางยุโรปอาจใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนปรนออกมาอีก เนื่องจากขณะนี้มาตรการต่างๆที่ใช้อยู่ยังไม่เพียงพอที่จะสกัดกั้นการตกต่ำของเศรษฐกิจได้ ขณะที่แรงกดดันในเชิงลบต่อเงินยูโรอาจมีเพิ่มมากขึ้น"
ทั้งนี้ ธนาคารกลางยุโรปได้ปรับลดดอกเบี้ยลงแตะระดับต่ำสุดที่ 1% เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา และประกาศแผนการซื้อพันธบัตรเป็นวงเงิน 6 แสนล้านยูโร (8.23 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยมีเป้าหมายที่จะคลี่คลายภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ