สำนักงานสถิติแห่งชาติเม็กซิโกเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ซึ่งเป็นมาตรวัดการขยายตัวของเศรษฐกิจ หดตัวลง 8.2% ในไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งเป็นสถิติที่หดตัวรุนแรงสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์ "Tequila Crisis" ของเม็กซิโกในปีพ.ศ.2538 เนื่องจากการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และวิกฤตการณ์การเงินโลกได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเม็กซิโกอย่างรุนแรง
อากุสติน คาร์สเตนส์ รมว.คลังเม็กซิโกคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจภายในประเทศจะหดตัวลงถึง 5.5% ในปีนี้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยได้ฉุดยอดส่งออกของเม็กซิโกร่วงลง อีกทั้งบีบให้ภาคเอกชนเลย์ออฟพนักงานและลดปริมาณการผลิตสินค้า นอกจากนี้ เศรษฐกิจเม็กซิโกถูกซ้ำเติมอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่เม็กซิโก
นายอาร์ทูโร่ เมนดิคัทที ประธานหอการค้า บริการ และการท่องเที่ยวของเม็กซิโก กล่าวว่า ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ทำให้เม็กซิโกเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่ทางเศรษฐกิจ โดยระบุว่าการปิดโรงภาพยนตร์ งานสังคม ไนท์คลับ พิพิธภัณฑ์ต่างๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดจะทำให้กรุงเม็กซิโก ซิตี้ ได้รับความเสียหายมูลค่าอย่างน้อย 777 ล้านเปโซ หรือ 57 ล้านดอลลาร์ต่อวัน
ขณะที่กระทรวงการคลังเม็กซิโกคาดการณ์ว่า การแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่จะส่งผลให้เศรษฐกิจเม็กซิโกได้รับความเสียหายเป็นวงเงินสูงถึง 8.25 แสนล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นร้อยละ 0.5 ของตัวเลขจีดีพี และจะสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของเม็กซิโกถึง 7 พันล้านดอลลาร์
เมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา ธนาคารกลางเม็กซิโกตัดสินใจลดดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 5.25% ซึ่งเป็นการลดดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 โดยมีเป้าหมายที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากยอดส่งออกทรุดตัวลงและการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน