ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ระบุว่า การทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ในขณะนี้เป็นผลมาจากการที่ธปท.ได้พูดคุยทำความเข้าใจกับธนาคารแต่ละแห่ง หลังจากที่ได้นำเสนอสูตรให้ธนาคารพาณิชย์พิจารณาไปเมื่อ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยยืนยันว่าไม่มีนโยบายบีบบังคับ แต่ใช้วิธีทำความเข้าใจ ซึ่งในสัปดาห์หน้าสมาคมธนาคารไทยจะรายงานข้อสรุปจากการพิจารณามาให้ธปท.รับทราบ
นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท.สายกำกับสถาบันการเงิน กล่าวว่า หากธนาคารพาณิชย์ทำตามสูตรที่ ธปท.เสนอไปก็เชื่อว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ แต่ก็คงต้องพิจารณาต้นทุนหลายๆ ด้าน ไม่ใช่เฉพาะต้นทุนทางบัญชีเท่านั้น และยอมรับว่าแต่ละธนาคารมีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะหนี้ดีและหนี้เสียที่ไม่เท่ากัน
อย่างไรก็ตาม ธปท.ยืนยันว่าไม่มีแนวคิดที่จะบีบบังคับให้ธนาคารพาณิชย์ต้องปฏิบัติตามข้อเสนอ แต่จะใช้วิธีพูดคุยกัน ซึ่งหากแนวทางที่ธปท.เสนอไปมีความสมเหตุสมผลก็เชื่อว่าธนาคารพาณิชย์คงจะปฏิบัติตาม
ส่วนในด้านการผลักดันให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการภาคธุรกิจนั้น นายสรสิทธิ์ กล่าวว่า ธปท.ก็ได้หารือกับธนาคารพาณิชย์ที่จะทำอย่างไรให้ธุรกิจที่ดำเนินอยู่มีน้ำหล่อเลี้ยงเพื่อให้เดินต่อไปได้ รวมทั้งผู้ประกอบการที่ต้องการปรับปรุงคุณภาพการผลิตจะได้รับเงินทุนที่เพียงพอ ซึ่งธนาคารพาณิชย์ไม่ควรดูจากออร์เดอร์เท่านั้น
สภาพคล่องและความพร้อมของธนาคารพาณิชย์ในขณะนี้มีเพียงพอที่จะปล่อยสินเชื่อได้เพิ่มขึ้น แต่จะมีความกังวลเรื่อง NPL ที่เร่งตัวขึ้นมาบ้าง แต่ความแข็งแกร่งของเงินกองทุนน่าจะช่วยให้คลี่คลายความกังวลลงได้ และอาจจะเข้ามาหารือกับธปท.ในกรณีลูกหนี้จัดชั้น เพื่อให้ยืดหยุ่นหลักเกณฑ์ลงได้ หากว่าเป็นการจัดชั้นจากมุมมองในอนาคตของผลประกอบการลูกหนี้ ซึ่งธปท.เห็นว่าผู้ประกอบการบางรายอาจสะดุดไปบ้างระหว่างทางเดิน