รัฐบาลสิงคโปร์ปฏิเสธกระแสคาดการณ์ที่ว่าจะมีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสอง โดยระบุว่าเศรษฐกิจสิงคโปร์ไตรมาสแรกหดตัวลงน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ และสิงคโปร์หลุดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่สุดในรอบ 44 ปีมาแล้ว
กระทรวงการค้าของสิงคโปร์เปิดเผยในวันนี้ว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรก หดตัวลง 14.6%ต่อปี แต่ยังหดตัวลงไม่มากเท่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้าที่ว่าจะหดตัวลง 19.7% หลังจาก ส่วนในไตรมาสสี่ปีที่แล้วจีดีพีสิงคโปร์หดตัวลง 16.4%
เศรษฐกิจสิงคโปร์หดตัวลงเนื่องจากยอดส่งออกทรุดตัวลงยาวนานนับปี ซึ่งบีบให้บริษัทเอกชนหลายแห่ง รวมถึงชาร์เตอร์ด เซมิคอนดัคเตอร์ เมนูแฟคเจอริ่ง ปลดพนักงานจำนวนมาก ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสิงคโปร์จะหดตัวลงมากกว่าประเทศอื่นๆในเอเชียปีนี้ เนื่องจากสิงคโปร์ต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นรายได้หลัก ซึ่งเมื่อเศรษฐกิจโลกถดถอยลง สิงคโปร์จึงได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตาม นายราวิ เมนอน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการค้าสิงคโปร์ยืนยันว่า สิงคโปร์ยังไม่มีแผนที่จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสองเพราะเชื่อว่าสิงคโปร์หลุดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่สุดในรอบ 44 ปีมาแล้ว และมีแนวโน้มที่จะดีดตัวขึ้นในไม่ช้านี้
อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็นเตอร์ไพรซ์ สิงคโปร์ (ไออี สิงคโปร์) ซึ่งเป็นหน่วยงานส่งเสริมการค้าของรัฐบาลสิงคโปร์ รายงานว่า การส่งออกของสิงคโปร์ปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 12 ติดต่อกันในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการลดลงต่อเนื่องยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2545 โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่มียอดส่งออกไปต่างประเทศทรุดลงอย่างมาก โดยยอดส่งออกสินค้าที่ไม่ใช่น้ำมัน (NODX) ประจำเดือนเม.ย. ดิ่งลง 19.2% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน หลังจากที่หดตัว 17.3% ในเดือนมีนาคม ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าตัวเลขส่งออกเดือนเม.ย.จะลดลง 18.9% สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน