บิล กรอส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทแปซิฟิก อินเวสท์เมนท์ เมเนจเมนท์ (PIMCO) ซึ่งเป็นกองทุนลงทุนในตราสารหนี้รายใหญ่ที่สุดในโลก คาดการณ์ว่า สหรัฐอาจสูญเสียอันดับเครดิต AAA โดยอาจจะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถืออย่างน้อยในอีก 3-4 ปี
เมื่อวานนี้สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือที่ระดับ AAA ของอังกฤษ ลงสู่ "เชิงลบ" จากเดิม "มีเสถียรภาพ" เนื่องจากภาระหนี้สินของอังกฤษที่เพิ่มขึ้น ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้เกิดกระแสความวิตกกังวลในวงกว้างว่าสหรัฐอาจถูกลดอันดับเครดิตด้วยเช่นกัน
"ทั้งอังกฤษและสหรัฐต่างเผชิญตัวเลขขาดดุลงบประมาณสูงถึง 10%ต่อปี และคาดว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าตัวเลขขาดดุลของทั้งสองประเทศอาจพุ่งขึ้นแตะ 100%ของตัวเลขจีดีพี ซึ่งหากถึงระดับนั้นก็ต้องถูกลดอันดับความน่าเชื่อถืออย่างแน่นอน แม้อันดับเครดิตของสหรัฐไม่มีแนวโน้มที่จะถูกปรับลดแบบชั่วข้ามคืน แต่นักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อว่ามีความเป็นไปได้" กรอสกล่าว
ค่าเงินดอลลาร์ ตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรนิวยอร์ก ร่วงลงถ้วนหน้าหลังจาก S&P ลดแนวโน้มอันดับเครดิตของอังกฤษ โดยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลง 51/32 ขณะที่ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วง 129.91 จุด หรือ 1.54% แตะที่ 8,292.13 จุดเมื่อคืนนี้
หลังจาก S&P ลดแนวโน้มอันดับเครดิตของอังกฤษได้ไม่นาน นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐก็ออกมาให้คำมั่นสัญญาว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามา จะพยายามดำเนินการเพื่อลดตัวเลขขาดดุลงบประมาณให้ได้ หลังจากเกิดกระแสความวิตกกังวลในวงกว้างว่าสหรัฐอาจถูกลดอันดับเครดิตเหมือนกับอังกฤษ โดยไกธ์เนอร์กล่าวว่าโดยเป้าหมายในขณะนี้คือยอดขาดดุลงบประมาณควรจะถูกลดลงเหลือ 3% ของตัวเลขจีดีพี จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ 12.9% ในปีนี้
แต่กรอสกล่าวว่า "เราต้องทำมากกว่าแค่ลดยอดขาดดุลงบประมาณ งบดุลบัญชีของธนาคารสหรัฐ (เฟด) ควรจะเพิ่มเป็น 5-6 ล้านล้านดอลลาร์จึงจะเพียงพอรองรับปัญหา ซึ่งในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา บดุลบัญชีของเฟดมีอยู่เพียง 2.2 ล้านล้านดอลลาร์" สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน