นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์จะเสนอเกณฑ์การพิจารณาราคาขายข้าว รวมทั้งสินค้าเกษตรอื่นๆ เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลังในสต๊อกรัฐบาลให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้าพิจารณา เพราะที่ผ่านมาเมื่อกระทรวงพาณิชย์เปิดประมูลสินค้าเกษตร และนำผลประมูลเสนอให้คณะรัฐมนตรีรับทราบมักถูกท้วงติงเรื่องเกณฑ์การกำหนดราคาขาย และการขายที่ขาดทุน
ทั้งนี้ หากคณะรัฐมนตรีเห็นชอบหลักเกณฑ์ดังกล่าว กระทรวงพาณิชย์จะอนุญาตให้ผู้ชนะการประมูลข้าวทั้ง 17 ราย คิดเป็นข้าวที่อนุมัติขายประมาณ 2 ล้านตัน สามารถขนย้ายข้าวออกจากโกดังได้ เพราะขณะนี้ทุกรายทำสัญญาซื้อขายกับองค์การคลังสินค้า(อคส.)แล้ว
"ได้เรียนท่านนายกรัฐมนตรีคร่าวๆ แล้วว่าอนุมัติขายที่ราคาสูงกว่าตันละ 14,000 บาท ใครเสนอต่ำและไม่ยอมขึ้นราคาให้สูงกว่านี้ เราไม่ขายจากราคาตลาด 16,000-17,000 บาท ส่วนหอมมะลิขายที่ตันละ 28,000 บาท ภาพรวมราคาพอรับได้ไม่ขาดทุนมาก แต่เราจะเอาเกณฑ์พิจารณาราคาเข้า ครม.สัปดาห์หน้า ถ้าไม่เห็นชอบคงต้องให้ ครม.หาทางออก เพราะผู้ส่งออกเซ็นสัญญาซื้อขายแล้ว หากยกเลิกอาจฟ้องร้อง ครม.ได้ พร้อมกันนั้นจะรายงานครม.ว่าผู้ชนะประมูลซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ยกเลิกซื้อแล้ว"นางพรทิวา กล่าว
รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงข้อครหาการขายข้าวขาดทุนและเร่งรีบทำสัญญาว่า สิ่งที่กระทรวงพาณิชย์ทำมีวิธีการที่ชัดเจน สามารถอธิบายได้ โดยให้ผู้เสนอซื้อเสนอราคาแข่งกันเป็นรายโกดัง ใครสู้ราคาไม่ได้ก็ไม่ได้ซื้อและผู้ชนะต้องซื้อทั้งข้าวดี และข้าวเสื่อมในโกดังเดียวกัน
ส่วนสาเหตุที่ไม่ขายราคาตลาด เพราะหากรัฐขายเท่าราคาตลาด ผู้ซื้อก็จะไปซื้อในตลาด เพราะจะได้ข้าวใหม่ คุณภาพดี วิธีการซื้อไม่ยุ่งยากเหมือนซื้อข้าวรัฐ แต่กระทรวงพาณิชย์ก็พยายามขายให้ได้ราคาดีที่สุด และที่ต้องเร่งรีบทำสัญญา เพราะหากมีการล้มประมูล อาจมองได้ว่า ตนเอื้อประโยชน์บริษัท วุฒิกวี ซึ่งมี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรมช.พาณิชย์ เป็นที่ปรึกษา ซึ่งหากประมูลครั้งใหม่ บริษัทก็อาจเข้าร่วมประมูลได้ แต่ครั้งนี้คุณสมบัติไม่ผ่าน เพราะติดบัญชีดำกับ อคส.