เมอร์ริล ลินช์ แนะนำให้ ริโอ ทินโต กรุ๊ป บริษัทเหมืองรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก เปลี่ยนแปลงข้อตกลงด้านการลงทุนมูลค่า 1.95 หมื่นล้านดอลลาร์กับบริษัท อลูมินัม คอร์ป ออฟ ไชน่า หรือที่เป็นที่รู้จักกันในชื่อไชนาลโค เพื่อที่บริษัทจะได้รับไฟเขียว เนื่องจากตลาดสินเชื่อและโลหะปรับตัวดีขึ้น
โอลิเวีย เคอร์ เจ้าหน้าที่ของเมอร์ริล ลินช์ กล่าวว่า ข้อตกลงใดๆที่จะมีการเสนอให้กับกลุ่มผู้ถือหุ้นได้พิจารณานั้น ควรจะเป็นข้อตกลงที่ผ่านการทบทวนมาแล้ว ข้อตกลงกับไชนาลโคจะทำให้กำไรต่อหุ้นของริโอลดลง 17% ในปี 2553 เมื่อเปรียบเทียบกับ 12% ที่ได้มีการประเมินไว้เมื่อเดือนก.พ.ซึ่งเป็นตอนที่ลงนามในข้อตกลง ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากมูลค่าตลาดของริโอปรับตัวสูงขึ้น
บลูมเบิร์กรายงานว่า เมอร์ริลระบุว่า ราคาโลหะในตลาดโลหะลอนดอนปรับตัวขึ้น 22% นับตั้งแต่ที่ได้มีการให้ความเห็นชอบเรื่องข้อตกลง และแนวโน้มรายได้ของริโอก็ออกมาเป็นบวกมากขึ้น ตลาดสินเชื่อปรับตัวขึ้น และริโอ ก็ได้รีไฟแนนซ์หนี้สิน 3.5 พันล้านดอลลาร์ซึ่งทำให้บริษัทอาจไม่จำเป็นต้องขายหุ้นอีก โดยริโออาจจะให้สิทธิ Pre-Emptive Right แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท ในหุ้นกู้แปลงสภาพที่ได้มีการตกลงกับไชนาลโค หรือเสนอทางเลือกเป็นหุ้นแทน
หุ้นริโอ ทินโต ร่วง 3.3% แตะ 64.44 ดอลลาร์ออสเตรเลียในตลาดหุ้นออสเตรเลีย ส่วนหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน อ่อนตัวลง 2.7%
ริโอ ทินโต ตกลงที่จะขายหุ้นกู้ 7.2 พันล้านดอลลาร์ และหุ้นในธุรกิจเหมือง 1.23 หมื่นล้านดอลลาร์ให้กับไชนาลโค ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทสัญชาติจีนเพิ่มขึ้นเป็น 18%