ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังร่วงลงต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆของโลก ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 พ.ค.) โดยร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือนเมื่อเทียบเงินยูโรและปอนด์ หลังสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ ออกโรงเตือนว่าอังกฤษอาจถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือเนื่องจากมีหนี้มากเกินไป ส่งผลให้เกิดกระแสความวิตกว่าสหรัฐซึ่งมีตัวเลขขาดดุลมหาศาลอาจถูกหางเลขไปด้วย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโรแข็งค่า 0.86% แตะ 1.4011 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.3892 ดอลลาร์/ยูโร ส่วนเงินปอนด์อังกฤษแข็งค่า 0.42% แตะ 1.5911 ดอลลาร์/ปอนด์ จาก 1.5845 ดอลลาร์/ปอนด์
เงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่า 0.77% แตะ 0.7848 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จาก 0.7788 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย ในขณะที่เงินดอลลาร์นิวซีแลนด์แข็งค่า 1.55% แตะ 0.6215 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จาก 0.6120 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า 0.84% แตะ 1.0841 ฟรังก์/ดอลลาร์ จาก 1.0933 ฟรังก์/ดอลลาร์ แต่แข็งค่า 0.36% แตะ 94.790 เยน/ดอลลาร์ จาก 94.450 เยน/ดอลลาร์
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ เตือนว่าอังกฤษอาจถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือเนื่องจากระดับหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ทางหน่วยงานจัดอันดับจะยืนยันว่าอันดับความน่าเชื่อถือในระยะยาวของอังกฤษจะยังอยู่ที่ AAA แต่แนวโน้มในอนาคตเริ่มแย่ลง เนื่องจากอังกฤษกู้เงินจำนวนมากเพื่อนำมากู้วิกฤตเศรษฐกิจและการธนาคาร
เนื่องจากอังกฤษดำเนินนโยบายเดียวกับสหรัฐ โดยธนาคารกลางของทั้งสองประเทศได้อัดฉีดเงินมหาศาลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจและเข้าซื้อสินทรัพย์จากธนาคารที่มีปัญหา นักลงทุนจึงเกรงว่าสหรัฐอาจถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือตามอังกฤษไปด้วย ซึ่งความวิตกดังกล่าวส่งผลให้สินทรัพย์และเงินดอลลาร์ด้อยค่าลง
"การประกาศของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ ส่งผลกระทบต่อเงินดอลลาร์มากกว่าเงินปอนด์เสียอีก" ไบรอัน คิม นักวิเคราะห์จากเอชเอสบีซี กล่าว
เมื่อช่วงต้นเดือนรัฐบาลสหรัฐได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ตัวเลขขาดดุลสำหรับปีงบประมาณปัจจุบันเป็น 1.84 ล้านล้านดอลลาร์ ตัวเลขขาดดุลมากหมายความว่ารัฐบาลก็ต้องกู้เงินมากขึ้น ซึ่งนั่นอาจทำให้ถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือได้ นอกจากนั้นปัจจัยดังกล่าวยังหนุนให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูง ส่งผลให้มูลค่าของเงินดอลลาร์ลดลงในที่สุด