ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนและยอดขายบ้านของสหรัฐในเดือนเม.ย.มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่วิกฤตเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 50 ปีเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น
นักวิเคราะห์จากโพลล์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนซึ่งมีอายุการใช้งานนานหลายปีนั้นจะเพิ่มขึ้น 0.4% และคาดว่ายอดขายบ้านใหม่และยอดขายบ้านมือสองจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.02 ล้านยูนิตจากระดับ 4.93 ล้านยูนิตในเดือนมี.ค.
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่ายอดขายบ้านมือสองจะเพิ่มขึ้น 2% ในเดือนเม.ย.มาสู่ระดับ 4.66 ล้านยูนิตต่อปี จากระดับ 4.57 ล้านยูนิตในเดือนก่อนหน้านี้ และคาดว่ายอดขายบ้านใหม่จะไต่ขึ้น 1.1% สู่ระดับ 360,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในปีนี้
เดวิด เรสเลอร์ นักวิเคราะห์จากโนมูระ ซีเคียวริตี้ อินเตอร์เนชั่นเนล อิงค์ในนิวยอร์กกล่าวว่า "ขณะนี้หลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่กำลังสิ้นสุดลงนั้นมีมากขึ้นเรื่อยๆ โดยยอดขายบ้านและการก่อสร้างดูเหมือนว่าจะเริ่มมีเสถียรภาพและผลสำรวจภาคการผลิตบ่งชี้ว่า บริษัทต่างๆเริ่มชะลอการลดอัตราการผลิตและคนงานบ้างแล้ว"
สถานการณ์ในตลาดที่อยู่อาศัยและภาคการผลิตที่เริ่มมีเสถียรภาพจะช่วยคลี่คลายวิกฤตการณ์ที่ตึงเครียดทางเศรษฐกิจ แต่ถึงกระนั้นการฟื้นตัวของภาคธุรกิจต่างๆยังไม่สามารถขยายตัวได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากธนาคารต่างๆยังคงลังเลที่จะออกเงินกู้ ขณะที่อัตราว่างงานพุ่งสูงขึ้น
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในวันที่ 28 พ.ค.นี้ และจะเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่ในวันที่ 29 พ.ค.นี้