แหล่งข่าวคาดว่า กระทรวงคลังสหรัฐจะเข้าไปถือหุ้นส่วนใหญ่ในบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (GM) หลังจากที่แผนการปรับโครงสร้างบริษัทเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ไครสเลอร์ แอลแอลซี ซึ่งได้ปรับโครงสร้างบริษัทแล้ว มีแนวโน้มว่า จะรอดพ้นจากการล้มละลาย และคาดว่า จะสามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่ได้มีการคาดการณ์ถึง 30-60 วัน หลังจากที่ไครสเลอร์ได้ยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์จากการล้มละลายไปเมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา
จีเอ็มอยู่ในระหว่างการลดต้นทุนและทำข้อตกลงกับพนักงานรวมทั้งผู้ถือพันธบัตร ก่อนที่จะถึงขีดเส้นตายในวันที่ 1 มิ.ย.ตามที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐได้กำหนดไว้ ก่อนหน้านี้ จีเอ็มกล่าวว่า บริษัทอาจจะล้มละลาย และการที่ไครสเลอร์ได้มีการปรับโครงสร้างองค์กรอย่างรวดเร็วจะช่วยให้ผู้บริโภคสบายใจขึ้น หากว่า จีเอ็มจะต้องยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์จากการล้มละลายเช่นกัน
บลูมเบิร์กรายงานว่า จอร์จ แมกลิอาโน ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยยานยนต์ของไอเอชเอส โกลบอล อินไซท์ กล่าวว่า รัฐบาลได้แสดงให้เห็นแล้วว่า การช่วยเหลือค่ายรถยนต์ของสหรัฐจะต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างยิ่ง บริษัทรถเหล่านี้ไม่ต้องการให้ภาวะล้มละลายเกิดขึ้นกับบริษัทยาวนาน บริษัทต้องการลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการยื่นล้มละลายให้เหลือน้อยที่สุด
แหล่งข่าวไม่ได้ประเมินเรื่องสัดส่วนการเข้าไปถือหุ้นของรัฐบาลสหรัฐในจีเอ็ม นอกจากนี้ รัฐบาลแคนาดาเองก็จะมีส่วนได้ถือหุ้นในบริษัทด้วยเช่นกัน โดยการเข้าไปถือหุ้นโดยรัฐบาลนั้น คงจะเกิดขึ้นในช่วงสั้นๆเท่านั้น และในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้น รัฐบาลก็จะเข้ามาดูแลในสัดส่วนที่น้อยที่สุด โดยรัฐบาลจะไม่ส่งคนของรัฐบาลเข้าไปนั่งเป็นบอร์ดของจีเอ็ม
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า แนวโน้มการยื่นขอล้มละลายของจีเอ็มนั้น จะใช้เวลานานกว่ากรณีของไครสเลอร์ เนื่องจากกรณีของจีเอ้มมีความซับซ้อนกว่า และโอบามาเองก็ยังไม่ได้ตัดสินใจว่า จะต้องใช้งบประมาณในการสนับสนุนด้านการเงินแก่จีเอ็มเท่าไรในกรณีที่มีการขอยื่นล้มละลาย แต่รัฐบาลจะจัดหาเงินทุนที่เพียงพอที่จะปฏิบัติตามขบวนการที่ได้มีการกำหนดไว้ในกฎหมายล้มละลาย มาตรา 11