นางวาสนา มุทุตานนท์ ผู้อำนวยการสำนักความร่วมมือการลงทุนต่างประเทศ รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)เปิดเผยว่า ภายในเดือนมิถุนายนนี้บีโอไอกำหนดที่จะร่วมกับสถาบันเอเชียตะวันออกศึกษาฯมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดสัมมนาเพื่อให้ความรู้สร้างความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการที่สนใจเข้าไปลงทุนในสหภาพพม่าและกัมพูชาเพื่อใช้เป็นปัจจัยประกอบการพิจารณาเข้าไปลงทุนใน 2 ประเทศดังกล่าวได้
ทั้งนี้ วันที่ 11 มิถุนายน 2552 จะจัดสัมมนาสัมมนาเรื่อง“โอกาสและความท้าทายในการลงทุนในสหภาพม่า"ที่ จ.สุราษฎร์ธานี โดยอัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายพาณิชย์ประจำกรุงย่างกุ้ง และตัวแทนจากบริษัท ลำปางฟู้ด โปรดักส์ จำกัด บริษัท เจริญโภคภัณฑ์เมล็ดพันธ์ จำกัด และตัวแทนจากชมรมผู้ค้าชายแดนในไทย-พม่า ร่วมให้ความรู้ในการเข้าไปลงทุน และโอกาสของการดำเนินธุรกิจในสหภาพพม่า
และวันที่ 16 มิถุนายน 2552 จะจัดสัมมนาในหัวข้อ“โอกาสและความท้าทายในการค้า การลงทุนในประเทศกัมพูชา"ที่ จ.ขอนแก่น โดยอัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายพาณิชย์ประจำกรุงพนมเปญ ร่วมอภิปรายและให้ความรู้ และรับฟังประสบการณ์การลงทุนในประเทศกัมพูชา จากนักธุรกิจที่ทำการค้าการลงทุนในกัมพูชา และประธานสมาคมธุรกิจไทยในกัมพูชา
นางวาสนา กล่าวว่า ประเทศพม่าและกัมพูชา เป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีความใกล้ชิดกับไทย และมีความพร้อมในด้านของทรัพยากรธรรมชาติ วัตถุดิบ และแรงงาน ที่จะรองรับการลงทุนของนักธุรกิจไทยได้อีกมาก ทั้งในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต การเกษตร การท่องเที่ยว พลังงาน เป็นต้น
จากข้อมูลระหว่างปี 2531-2551(กุมภาพันธ์)ไทยมีมูลค่าการลงทุนในพม่าสูงที่สุด มีสัดส่วนในการค้าการลงทุนถึง 7,391.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีอุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจลงทุนสูงสุดได้แก่ พลังงาน ขุดเจาะก๊าชธรรมชาติ อุตสาหกรรมการผลิต การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โรงแรมและการท่องเที่ยว เป็นต้น
ขณะที่ภาพรวมการลงทุนของไทยในกัมพูชา ในช่วงปี 2537-2551 มีมูลค่าการลงทุนประมาณ 318.07 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นการลงทุนในสาขาเกษตรกรรม อุตสาหกรรม สาขาสาธารณูปโภค และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เป็นต้น