มูฮัมหมัด เอล-เอเรียน ซีอีโอบริษัท แปซิฟิก อินเวสท์เมนท์ เมเนจเมนท์ (PIMCO) แสดงความเห็นว่า การที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.ของสหรัฐพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 6 ปี อาจเป็นเพราะชาวอเมริกันอาจเริ่มชินกับการที่อัตราว่างงานพุ่งขึ้นกว่า 8% เป็นครั้งแรกในรอบ 26 ปี และเศรษฐกิจที่ไม่ขยายตัวเกินกว่า 2% มาเป็นเวลาหลายไตรมาส
สำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐประจำเดือนพ.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 54.9 จุด ซึ่งเป็นสถิติที่พุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีพ.ศ.2546 จากเดือนเม.ย.ที่ 40.8 จุด และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์บลูมเบิร์กคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 43 จุด
"มีความเป็นไปได้ว่าผู้บริโภคเริ่มชินกับอัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นและอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ไม่เคยเพิ่มขึ้นกว่า 3% เมื่อสหรัฐเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่แข็งแกร่งเกินคาดในเดือนพ.ค. ตลาดหุ้นนิวยอร์กและตลาดน้ำมัน NYMEX ก็พุ่งขึ้นขานรับทันที ซึ่งปรากฏการณ์เช่นนี้คนที่ PIMCO เรียนกว่า "new normal" เอล-เอเรียนกล่าวกับผู้สื่อข่าว
นักวิเคราะห์ที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็น คาดการณ์ว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรกปีนี้จะหดตัวลง 4.7% ต่อปี เนื่องจากภาคเอกชนลดการจ้างงาน ลดการสต็อกสินค้า และลดการใช้จ่าย
ไมเคิล เฟโรลี นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค กล่าวว่า ภาคเอกชนลดการสต็อกสินค้าเพราะต้องการให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นก่อนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ นอกจากนี้ ภาคเอกชนยังลดการจ้างงานและการใช้จ่าย จึงทำให้จีดีพีไตรมาสแรกหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง
ส่วนจีดีพีไตรมาส 4 ปี 2551 หดตัวลง 6.3% ต่อปี เป็นสถิติที่หดตัวลงครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกของปีพ.ศ.2525 ซึ่งเป็นผลมาจากการร่วงลงของยอดส่งออก ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค และอัตราการลงทุนในทุกภาคส่วน รวมถึงการลงทุนด้านอุปกรณ์และซอฟท์แวร์ แม้รัฐบาลสหรัฐพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายในภาคเอกชนก็ตาม" สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน