ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและสกุลเงินหลักๆของโลก ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเรื่องอันดับเครดิตของสหรัฐ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากยอดขายบ้านที่เพิ่มขึ้นเกินคาดในสหรัฐ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์ดีดตัวขึ้น 0.22% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 95.210 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 95.000 เยน/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้น 0.46% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0882 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0832 ฟรังค์/ดอลลาร์
ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.74% แตะระดับ 1.3886 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันอังคารที่ 1.3989 ดอลลาร์/ยูโร แต่เงินปอนด์ดีดตัวขึ้น 0.47% แตะที่ 1.6004 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.5929 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 1.07% แตะที่ 0.7778 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันอังคารที่ 0.7862 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 1.38% แตะที่ 0.6158 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ 0.6244 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
กาเรธ เบอร์รี นักวิเคราะห์จากยูบีเอสกล่าวว่า ดอลลาร์สหรัฐได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องอันดับความน่าเชื่อของสหรัฐซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ AAA หลังจากก่อนหน้านี้ได้เกิดกระแสความวิตกกังวลว่าสหรัฐจะถูกปรับลดอันดับเครดิต ภายหลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือที่ระดับ AAA ของอังกฤษ ลงสู่ "เชิงลบ" จากเดิม "มีเสถียรภาพ" เนื่องจากภาระหนี้สินของอังกฤษที่เพิ่มขึ้น
นายอลิสแตร์ ดาร์ลิง รัฐมนตรีคลังอังกฤษยอมรับว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลปีนี้อาจจะอยู่ที่ 1.75 แสนล้านปอนด์ (2.73 แสนล้านดอลลาร์) หรือคิดเป็น 12.4% ของตัวเลขจีดีพี
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐได้รับปัจจัยบวกหลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 2.9% แตะระดับ 4.68 ล้านยูนิต จากเดือนมี.ค.ที่ 4.55 ล้านยูนิต และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 4.66 ล้านยูนิต
เงินปอนด์เคลื่อนไหวแข็งค่าขึ้นโดยพุ่งทะลุ 1.60 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 7 เดือน เนื่องจากตลาดมีมุมมองในแง่บวกว่า วิกฤตการเงินที่เลวร้ายที่สุดกำลังสิ้นสุดลง ซึ่งจะกระตุ้นนักลงทุนต้องการถือครองสินทรัพย์ในรูปสกุลเงินปอนด์ของอังกฤษมากขึ้น