นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ยืนยันว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)ในไตรมาส 1/52 ที่ติดลบ 7.1% ถือเป็นจุดต่ำสุดของเศรษฐกิจไทยแล้ว และคาดว่าจีดีพีไตรมาส 2/52 จะเริ่มติดลบน้อยลง ส่วนไตรมาส 3/52 จากที่มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจเริ่มเห็นผลและการเมืองเข้าสู่ความมีเสถียรภาพ จะยิ่งทำให้จีดีพีติดลบน้อยลงอีก
ทั้งนี้ เป็นการประเมินจากภาวะเศรษฐกิจในเดือน พ.ค.ที่มีสัญญาณดีขึ้นต่อเนื่องจาก เม.ย.ทั้งการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT)ที่สะท้อนการบริโภคภาคเอกชน จัดเก็บได้เพิ่มขึ้นเป็น 35,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่เริ่มทรงตัว ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมเริ่มขยายการลงทุนและขยายกำลังการผลิตสินค้า
จากนั้นจีดีพีน่าจะเริ่มฟื้นตัวเป็นบวกได้ในช่วงไตรมาส 4/52 หลังจากติดลบต่อเนื่อง 4 ไตรมาส ซึ่งในช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เงินงบประมาณปี 53 เริ่มเบิกจ่ายตั้งแต่ ต.ค.52 อีกทั้ง พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในวงเงินไม่เกิน 4 แสนล้านบาท ก็น่าจะมีผลบังคับใช้แล้วเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กระทรวงการคลังยังคงประมาณการณ์จีดีพีปี 52 ไว้ว่าจะติดลบ 3.5% แต่จะทบทวนตัวเลขจีดีพีอีกครั้งตามกำหนดในเดือน มิ.ย.นี้
นายสมชัย ยังมองว่า นโยบายที่รัฐบาลใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายการคลังที่ได้ทำงานอย่างเต็มที่แล้ว ส่วนนโยบายการเงินก็ทำโดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างต่อเนื่อง จึงเหลือเพียงนโยบายด้านอัตราแลกเปลี่ยนที่จะต้องมีส่วนสำคัญเข้ามาช่วยเหลือการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน
"นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนเราต้องดูว่า ประเทศเพื่อนบ้านเขาเปลี่ยนแปลงในระดับใด เราต้องอยู่ในระดับเดียวกัน ไม่ใช่เขาอ่อนค่า 10% แต่เราอ่อนค่าแค่ 2% ต้องดูว่าเหมาะสมหรือไม่...เชื่อว่าตอนนี้แบงก์ชาติทำหน้าที่ได้ในระดับหนึ่ง เราไม่อยากวิจารณ์ เขาคงมีข้อมูลที่ดีกว่า แต่เราพูดจากข้อมูลที่เรามี"ผู้อำนวยการ สศค.ระบุ