นักวิเคราะห์และเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดการณ์ว่า เฟดอาจเข้าซื้อสินทรัพย์เพิ่มขึ้นเพื่อปกป้องดุลบัญชีของเฟดไม่ให้หดตัวลง จนกว่าคณะกรรมการเฟดจะมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีสัญญาณการฟื้นตัว
จอห์น เวนเบิร์ก ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยประจำธนาคารกลางสหรัฐสาขาริชมอนด์กล่าวว่า สถาบันการเงินในสหรัฐต้องการเงินสดฉุกเฉินน้อยลงในโครงการของเฟด หลังจากภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อเริ่มคลี่คลายลงเมื่อเฟดอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบการเงินหลายครั้ง โดยปริมาณเงินกู้จากโครงการเฟดที่ปล่อยให้กับสถาบันการเงินในสหรัฐลดลง 38% ณ วันที่ 1 ม.ค. และคาดว่าเฟดจะเริ่มเข้าซื้อหลักทรัพย์เพื่อปกป้องดุลบัญชีของเฟดซึ่งปัจจุบันยืนอยู่ที่ระดับกว่า 2 ล้านล้านเยน
"ดุลบัญชีของเฟดส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงเนื่องจากการระบายสภาพคล่องฉุดเฉินเข้าสู่ภาคการธนาคารและตลาดการเงิน และเนื่องจากการล้มละลายของสถาบันการเงิน" เวนเบิร์ก
บิล กรอส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทแปซิฟิก อินเวสท์เมนท์ เมเนจเมนท์ (PIMCO) ซึ่งเป็นกองทุนลงทุนในตราสารหนี้รายใหญ่ที่สุดในโลก แนะนำว่า การที่กระทรวงการคลังสหรัฐพยายามยอดขาดดุลงบประมาณควรให้ได้ราว 3% ของตัวเลขจีดีพี จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ 12.9% ในปีนี้นั้นไม่เพียงพอต่อการปกป้องอันดับความน่าเชื่อของสหรัฐซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ AAA แต่เฟดงบดุลบัญชีของเฟดควรจะเพิ่มเป็น 5-6 ล้านล้านดอลลาร์จึงจะเพียงพอรองรับปัญหา ซึ่งในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา บดุลบัญชีของเฟดมีอยู่เพียง 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน