ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานแนะรัฐบาลชะลอเรียกเก็บเงินที่ได้จากการจำหน่ายน้ำมันเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นในช่วงราคาขาขึ้น แต่ควรปรับขึ้นภาษีก๊าซหุงต้ม(LPG)เพื่อป้องกันการใช้ผิดประเภท
น.ส.สุวพร ศิริคุณ ผู้อำนวยการมูลนิธิพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กระทรวงพลังงานไม่ควรเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นในระยะนี้ ซึ่งเป็นช่วงราคาน้ำมันขาขึ้น เพื่อบรรเทาภาระจากการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันลิตรละ 2 บาท และขณะนี้เงินกองทุนน้ำมันฯ มีสูงกว่า 1 หมื่นล้านบาท
"กระทรวงพลังงานควรพิจารณาใช้เงินจากกองทุนน้ำมันฯ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เพราะวัตถุประสงค์การจัดตั้งกองทุนน้ำมันฯ เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง แต่การนำไปใช้อุดหนุนภาษีรถยนต์อี 85 นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แม้จะเป็นพลังงานทดแทนแต่ก็ส่งเสริมการใช้พลังงานอยู่ดีไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำมัน" น.ส.สุวพร กล่าว
ผู้อำนวยการมูลนิธิพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า รัฐบาลประกาศขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม เพราะเป็นการปรับขึ้นในช่วงราคาน้ำมันขาขึ้นแม้มีความจำเป็นเรื่องการจัดหารายได้ของรัฐ
แต่สิ่งที่ควรดำเนินการคือการขึ้นภาษีก๊าซ LPG จากปัจจุบันอยู่ที่อัตรากิโลกรัมละ 2.17 บาท เพราะทิศทางราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับขึ้นอีก ผู้ใช้รถยนต์ก็จะหันกลับไปใช้ LPG มากขึ้น ทำให้การนำเข้าอาจจะสูงขึ้นจนกลายเป็นภาระของกองทุนน้ำมันฯ ได้