รมว.อุตสาหกรรม คาดยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนช่วงครึ่งปีหลังจะมีมูลค่ามากกว่า 3 แสนล้านบาท เนื่องจากได้รับผลดีจากสถานการณ์ทางการเมืองมีเสถียรภาพ และภาวะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว โดยส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ สาธารณูปโภค ยานยนต์และชิ้นส่วน อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
"มีการฟื้นตัวอย่างช้าๆ เพราะสถานการณ์การเมืองที่เริ่มนิ่งและคลี่คลายลงจะช่วยให้ภาวะการลงทุนของไทยปรับตัวในทิศทางดีขึ้น...ช่วงครึ่งปีหลังน่าจะมียอดมากกว่า 3 แสนล้านบาท" นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม กล่าว
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจากการที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) ได้เพิ่มสิทธิพิเศษให้กับกิจการ 6 ประเภท ที่เข้าขอรับส่งเสริมการลงทุนภายในปีนี้ และการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาลในช่วงครึ่งปีหลังก็จะช่วยแก้ปัญหาสภาพคล่อง และตลาดสินเชื่อให้ปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ปัจจัยเสี่ยงต่อการลงทุนในครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยราคาน้ำมัน รวมทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศผู้ลงทุนรายสำคัญ เช่น ญี่ปุ่น สหรัฐ และยุโรป ที่ยังไม่มีความแน่นอนในขณะนี้
สำหรับภาวะการลงทุนในช่วง 4 เดือนแรกปีนี้(ม.ค.-เม.ย.52) มีบริษัทเข้าขอรับส่งเสริมการลงทุนมูลค่า 137,000 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่มีมูลค่า 152,000 ล้านบาท หรือลดลง 10% และเมื่อเปรียบเทียบจำนวนโครงการจะเป็นสัดส่วนลดลง 29% จาก 412 โครงการ ลดลงเหลือ 294 โครงการในปีนี้
โดยอุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจเข้าขอรับส่งเสริมการลงทุนมากสุด ได้แก่ อุตสาหกรรมบริการและสาธารณูปโภค มีมูลค่าลงทุนรวม 110,800 ล้านบาท รองลงมาเป็นอุตสาหกรรมเกษตรและผลิตภัณฑ์จากเกษตร มีมูลค่าลงทุน 9,200 ล้านบาท, อุตสาหกรรมโลหะเครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง มีมูลค่าลงทุน 7,400 ล้านบาท, อุตสาหกรรมเหมืองแร่และเซรามิก 3,800 ล้านบาท และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า มีมูลค่าลงทุน 2,300 ล้านบาท