ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนและปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (28 พ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับยูโรหลังจากมีข่าวว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตรียมเข้าซื้อหลักทรัพย์เพิ่มเพื่อปกป้องดุลบัญชีของเฟด
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 1.71% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 96.930 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 95.300 เยน/ดอลลาร์ แต่อ่อนตัวลง 0.60% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0857 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0922 ฟรังค์/ดอลลาร์
ค่าเงินยูโรขยับขึ้น 0.74% แตะที่ 1.3937 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันพุธที่ 1.3834 ดอลลาร์/ยูโร และเงินปอนด์ร่วงลง 0.13% แตะที่ 1.5937 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.5958 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 1.24% แตะที่ 0.7846 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันพุธ 0.7750 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 1.37% แตะระดับ 0.6227 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.6143 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส โดยกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่าจำนวนชาวอเมริกันที่เข้ารับสวัสดิการในระหว่างว่างงานร่วงลง 13,000 ราย สู่ระดับ 623,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 23 พ.ค. จาก 636,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งเป็นการลดลง สัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเพิ่มขึ้นมากเกินคาด 1.9% ในเดือนเม.ย.ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 16 เดือน หลังจากลดลง 2.1% ในเดือนมี.ค. และยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 0.3% แตะระดับ 352,000 ยูนิตในเดือนเม.ย. จาก 351,000 ยูนิตในเดือนมี.ค.
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องอันดับความน่าเชื่อของสหรัฐซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ AAA หลังจากก่อนหน้านี้ได้เกิดกระแสความวิตกกังวลว่าสหรัฐจะถูกปรับลดอันดับเครดิต ภายหลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือที่ระดับ AAA ของอังกฤษ ลงสู่ "เชิงลบ" จากเดิม "มีเสถียรภาพ" เนื่องจากภาระหนี้สินของอังกฤษที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร หลังจากจอห์น เวนเบิร์ก ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยประจำธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาริชมอนด์ คาดการณ์ว่า เฟดอาจเข้าซื้อสินทรัพย์เพิ่มขึ้นเพื่อปกป้องดุลบัญชีของเฟดไม่ให้หดตัวลง จนกว่าคณะกรรมการเฟดจะมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีสัญญาณการฟื้นตัว