สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว

ข่าวต่างประเทศ Friday May 29, 2009 09:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ส่งสัญญาณว่าภาคเอกชนปลดพนักงานน้อยลง แต่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการต่อเนื่องทะยานแตะระดับสูงสุดเป็นประวัตการณ์

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงเหลือ 623,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว จาก 636,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะมีมากถึง 635,000 ราย

อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการต่อเนื่องทะยานแตะ 6.78 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการเก็บข้อมูลในปี 2510 และเป็นการปรับตัวสูงขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 17 ติดต่อกันแล้ว

ในขณะเดียวกัน จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบ 4 สัปดาห์ก็ลดลงเล็กน้อยเหลือ 626,750 ราย ซึ่งต่ำกว่าระดับสูงสุดในเดือนเม.ย.ถึง 30,000 ราย ส่งผลให้นักวิเคราะห์บางส่วนเชื่อว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยดิ่งลงถึงจุดต่ำสุดและพร้อมจะดีดตัวขึ้นแล้ว ถึงกระนั้นจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานก็ยังอยู่ในระดับย่ำแย่อยู่ดี เทียบกับเมื่อปีที่แล้วที่มีเพียง 378,000 รายต่อสัปดาห์

ยิ่งไปกว่านั้น จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการต่อเนื่องที่เพิ่มขึ้นยังแสดงให้เห็นว่าอัตราว่างงานจะปรับตัวสูงขึ้นอีกในเดือนพ.ค. จาก 8.9% ในเดือนเม.ย. และนักวิเคราะห์จำนวนมากเชื่อว่าอัตราว่างงานอาจพุ่งแตะ 10% ภายในสิ้นปีนี้

แม้ว่าอัตราการปลดพนักงานจะลดลง แต่ก็ยังมีอีกหลายบริษัทที่ประกาศปลดพนักงานในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว อย่างธนาคารคีย์คอร์ป ในคลีฟแลนด์ ก็เตรียมปลดพนักงาน 300 ตำแหน่งในไตรมาส 2 ขณะที่บริษัทสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง นิคอน คอร์ป ก็เตรียมปลดพนักงาน 1,000 คน ซึ่งบางส่วนเป็นพนักงานในสหรัฐ นอกจากนั้นจำนวนตำแหน่งงานใหม่ยังขาดแคลนด้วย

เมื่อพิจารณาเป็นรัฐ แคลิฟอร์เนียเป็นรัฐที่มีจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นมากที่สุดถึง 5,447 ราย โดยส่วนมากมาจากอุตสาหกรรมการก่อสร้าง การค้า และการบริการ ส่วนมิชิแกนเป็นรัฐที่มีจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลงมากที่สุดถึง 9,758 ราย เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์ปลดพนักงานน้อยลง สำนักข่าวเอพีรายงาน



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ