นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกมาเรียกร้องให้นักธุรกิจภาคเอกชนร่วมมือกันเพื่อช่วยขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศอีกทางหนึ่ง โดยดำเนินการไปพร้อมๆ กับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
"หลายเรื่องท่านอาจจะรู้ดีกว่าผม สิ่งที่รัฐบาลทำได้แค่กำหนดทิศทางว่าจะเดินไปอย่างไร แต่สิ่งที่รัฐบาลต้องการจะเห็นคือภาคเอกชนจะเข้ามาช่วยสนับสนุนหรือดำเนินการได้อย่างไรบ้าง" นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในตอนหนึ่งของการปาฐกถาพิเศษเรื่อง "มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ นักธุรกิจจะช่วยได้อย่างไร" ซึ่งจัดโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
นายกรัฐมนตรีขอให้นักธุรกิจภาคเอกชนดำเนินการ 4 เรื่อง คือ ขอให้มีความตื่นตัวในการแข่งขัน ตลอดจนรับรู้สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกและนโยบายรัฐบาล, ขอให้ช่วยกันสร้างบรรยากาศที่ดีต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศเพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น, ขอให้อยู่บนพื้นฐานความพอดี ไม่ตื่นตระหนกหรือประมาทจนเกินไป และขอให้บริหารงานโดยคำนึงถึงหลักธรรมาภิบาลที่จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องการทุจริตคอรัปชั่นในแวดวงราชการ
สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลดำเนินการไปแล้วนั้นอาจมีบางเรื่องที่ถูกใจบางคนเพราะเป็นผู้ได้รับประโยชน์ แต่บางคนอาจไม่ถูกใจเพราะเสียผลประโยชน์ ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา ซึ่งรัฐบาลจะรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายเพื่อนำมาปรับปรุง
ส่วนการกู้เงินจำนวน 4 แสนล้านบาท ตาม พ.ร.ก.กู้เงินฯ นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พ.ร.ก.กู้เงินดังกล่าวไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ รัฐบาลก็จะเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในสัปดาห์ต่อไป และหากผ่านความเห็นชอบแล้วก็คาดว่าจะสามารถดำเนินการกู้เงินได้ราวเดือน ส.ค.นี้ โดยได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว และตั้งเป้าโครงการไทยเข้มแข็ง 2555 จะช่วยสร้างงานได้ราว 1.5-2 ล้านคน ในช่วงปี 53-55