ผลสำรวจชี้ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยรัฐบาลสหรัฐถือหุ้นใหญ่ใน GM

ข่าวต่างประเทศ Monday June 1, 2009 09:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ผลสำรวจความคิดเห็นของชาวอเมริกันซึ่งจัดทำโดย Rasmussen บ่งชี้ว่า 2 ใน 3 ของชาวอเมริกันไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลเข้าเทคโอเวอร์กิจการจีเอ็มด้วยการใช้งบประมาณอย่างน้อย 5 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อให้รัฐบาลเข้าไปถือหุ้นใหญ่ในค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่แห่งนี้

ผลสำรวจของ Rasmussen ระบุว่า มีชาวอเมริกันที่ตอบรับการสำรวจเพียง 21% เท่านั้นที่สนับสนุนแผนการดังกล่าว ขณะที่มีชาวอเมริกันถึง 56% ที่ไม่เห็นด้วยกับการที่สหรัฐจะเข้าไปถือหุ้นใหญ่ในจีเอ็ม โดยให้เหตุผลว่าจะเป็นการดีกว่าหากรัฐบาลปล่อยให้จีเอ็มล้มละลาย

จีเอ็ม ซึ่งขาดทุนเกือบ 8 หมื่นล้านดอลลาร์นับตั้งแต่ปีพ.ศ.2547 เตรียมยื่นขอความคุ้มครองจากศาลล้มละลายในวันจันทร์ที่ 1 มิ.ย. ก่อนเวลา 08.00 น.ตามเวลานิวยอร์ก และจะขายสินทรัพย์เกือบทั้งหมดให้กับบริษัทแห่งใหม่ โดยจีเอ็มได้แต่งตั้งนายอัล คอช เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปรับโครงสร้าง

ในการสำรวจของ Rasmussen เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ชาวอเมริกันกว่า 60% กล่าวว่า การที่รัฐบาลเข้าเทคโอเวอร์กิจการจีเอ็มและไครสเลอร์ เป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง โดยชาวอเมริกันส่วนใหญ่มองว่า รัฐบาลกำลังนำเงินงบประมาณของชาติไปสนับสนุนบริษัทต่างๆ รวมถึง อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (เอไอจี) ที่มีส่วนทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญกับวิกฤตการณ์

นักวิเคราะห์ของหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์ส กล่าวว่า การที่รัฐบาลสหรัฐเข้ามาถือหุ้นในสัดส่วนที่มากขึ้นในจีเอ็มทำให้เกิดคำถามตามมาว่ารัฐบาลจะใช้นโยบายที่จะทำให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ อาทิ มาตรการภาษีที่จะใช้กระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้อรถใหม่แทนรถเก่า รวมถึงการสนับสนุนเทคโนโลยีเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะการที่รัฐบาลลงทุนในจีเอ็มและไครสเลอร์ก็อาจจะออกนโยบายที่เอื้อประโยชน์ต่อค่ายรถยนต์ทั้ง 2 แห่ง ขณะที่ "บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์" จะเสียประโยชน์จากการที่ไม่ได้ขอรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ