โนริฮิโอะ ฟูจิโตะ หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ กล่าวแสดงความเห็นว่า การที่บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) เตรียมยื่นขอความคุ้มครองจากศาลล้มละลายในวันนี้และยอมให้รัฐบาลเข้ามาถือหุ้นใหญ่ในบริษัท อาจจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของญี่ปุ่นมากนัก ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ได้ตื่นตระหนกต่อข่าวดังกล่าว จึงทำให้ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวสามารถปิดตลาดภาคเช้าพุ่งขึ้นได้
"ตลาดคงตกอยู่ในภาวะโกลาหลหากจีเอ็มล้มละลายปีที่แล้ว แต่สถานการณ์ของจีเอ็มยืดเยื้อมาจนถึงปีนี้ จึงทำให้นักลงทุนซึมซับกับข่าวดังกล่าวไว้นานแล้ว และส่วนใหญ่เชื่อว่าการล้มละลายของจีเอ็มจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดด้วย" ฟูจิโตะกล่าว
อย่างไรก็ตาม ฟูจิโตะเตือนว่า การที่จีเอ็มยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์สินจากการล้มละลายกฎหมายมาตรา 11 อาจส่งผลกระทบระยะยาวต่อเศรษฐกิจสหรัฐทั้งระบบ เพราะหลายฝ่ายมองว่าการที่รัฐบาลนำเงินงบประมาณเข้าอัดฉีดกิจการจีเอ็มอาจทำให้สหรัฐมียอดขาดดุลงบประมาณพุ่งขึ้น
"ขณะที่หลายฝ่ายกังวลว่าการอัดฉีดเม็ดเงินพยุงกิจการจีเอ็มจะยิ่งทำให้รัฐบาลขาดดุลงบประมาณนั้น ก็ยังเกิดคำถามตามมาอีกว่าหลังจากการเข้าไปอยู่ภายใต้ร่มของรัฐบาลแล้ว จีเอ็มจะคงสถานะการเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ได้อีกหรือไม่" ฟูจิโตะกล่าว
ด้านนายทาเคฮิเดะ คิอูชิ หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์โนมูระ กล่าวว่า การล้มละลายของจีเอ็มจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นก็ต่อเมื่อยอดขาดดุลงบประมาณที่พุ่งสูงขึ้นทำให้สกุลเงินดอลลาร์ร่วงลงเมื่อเทียบกับเยน เพราะการที่ดอลลาร์อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเยนจะสร้างความเสียหายอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมส่งออกญี่ปุ่น สำนักข่าวเกียวโดรายงาน