โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป และฮอนด้า มอเตอร์ โค ผู้ผลิตรถสัญชาติญี่ปุ่นเผยยอดขายเดือนพ.ค.ทรุดฮวบกว่า 40% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ ขณะที่ค่ายรถจากเอเชียสูญเสียส่วนแบ่งในตลาดสหรัฐเป็นครั้งแรกในปีนี้
ยอดขายของโตโยต้าในสหรัฐลดลง 41% ขณะที่ยอดขายของฮอนด้าร่วงลง 42% ส่วนยอดขายของนิสสัน มอเตอร์ โคลดลง 33% และยอดขายของฮุนไดในเกาหลีใต้ตกลง 20% ซึ่งหากคิดยอดขายของค่ายรถญี่ปุ่นและเกาหลีใต้รวมกันแล้วพบว่าทรุดตัวถึง 37% หนักกว่าค่ายรถคู่แข่งของสหรัฐที่ลดลง 32%
"จีเอ็ม ฟอร์ด และไครสเลอร์ ได้รับแรงกดดันเมื่อปีที่ผ่านมาจากราคาน้ำมัน ขณะที่เมื่อปีก่อนยอดขายจากค่ายรถเอเชียไม่ร่วงหนักเท่ากับในปีนี้" จิม ฮอลล์ นักวิเคราะห์จาก 2953 Analytics ในเบอร์มิงแฮม รัฐมิชิแกนกล่าว
"ยอดขายในอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ลดลง 34% เมื่อเดือนที่ผ่านมายังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะที่เมื่อวานนี้จีเอ็มเดินตามรอยไครสเลอร์ด้วยการยื่นพิทักษ์ทรัพย์ล้มละลายตามมาตรา 11 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสำนักงานคอนเฟอเรนซ์บอร์ดทะยานขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 6 ปีจากอุปสงค์ที่กระเตื้องขึ้น"
แกรี่ ดิลท์ส รองประธานบริษัทวิจัยเจ.ดี พาวเวอร์ แอนด์ แอซโซซิเอทส์ในรัฐมิชิแกนกล่าวว่า "โดยปกติแล้วยอดขายรถในช่วงเดือนพ.ค.-ก.ค.จะพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุด ซึ่งเราคงต้องจับตามองความเคลื่อนไหวที่ดีขึ้นของตลาดยานยนต์ในช่วงเวลาดังกล่าว"
ทั้งนี้ ส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทยานยนต์เอเชียร่วงลง 45.6% ในเดือนพ.ค.ซึ่งตกลง 2.5% จากปีก่อน และเป็นการร่วงลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ย.2551 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ในเดือนที่แล้วโตโยต้ามียอดขายรถยนต์ 152,583 คัน ร่วงลงจากที่เคยขายได้ถึง 257,406 คันในปีก่อน โดยโตโยต้าคาดว่าการเปิดตัวรถไฮบริดจ์รุ่น Prius จะช่วยกระตุ้นให้ยอดขายในเดือนต่อๆไปดีขึ้น ส่วนฮอนด้ามียอดขายที่ 98,344 คัน ลดลงจากระดับ 167,997 คันในปีก่อน แต่ยอดขายรถไฮบริดจ์รุ่น Insight ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะที่ 2,780 คันในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา