นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.)นัดประชุม กขช.วันที่ 4 มิ.ย.นี้ เพื่อพิจารณาว่าจะการขยายปริมาณรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 52 เพิ่มเติมหรือไม่ หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวนาในหลายจังหวัดว่ายังมีปริมาณผลผลิตข้าวอีกจำนวนมากที่รอจะออกสู่ตลาดในช่วงเดือน มิ.ย.และ ก.ค.นี้
ปัจจุบัน โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 52 ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ก.ค.52 ได้เพิ่มปริมาณเป้าหมายการรับจำนำมาอยู่ที่ 4 ล้านตัน จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 2.5 ล้านตัน แต่ล่าสุดมีชาวนานำข้าวมาจำนำกับรัฐบาลจนเกือบครบ 4 ล้านตันแล้ว
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม กขช.วันพรุ่งนี้(4 มิ.ย.) จะหาข้อสรุปเรื่องการเพิ่มปริมาณรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 52 ตามที่ชาวนาหลายจังหวัดร้องเรียนเข้ามา ซึ่งหากดูแนวโน้มแล้วมีความเป็นไปได้ที่จะเปิดรับจำนำเพิ่มเติมจาก 4 ล้านตัน แต่อาจจะมีการกำหนดหลักเกณฑ์บางประการเพิ่มเติม
"แนวโน้มอาจจะมีการรับจำนำเพิ่ม เพราะตอนนี้ไม่มีทางเลือก แต่คงจะไม่ได้ครอบคลุมทุกคน คงจะให้สำหรับคนที่ยังไม่เกิน 3.5 แสนบาท" นายกอร์ปศักดิ์ ระบุ
สำหรับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 52 ได้มีการกำหนดโควตารับจำนำข้าวจากชาวนาไว้ไม่เกินรายละ 3.5 แสนบาท
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ในที่ประชุม กขช.ยังจะมีการพิจารณาเรื่องโครงการนำร่องแนวทางการประกันราคาข้าวหอมมะลินาปี ฤดูการผลิตปี 52 จำนวน 2 แสนตันที่จะใช้แทนโครงการรับจำนำข้าวอย่างที่เคยปฏิบัติมา ซึ่งจะนำร่องในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคอีสานก่อน คือ สุรินทร์, บุรีรัมย์, มหาสารคาม, ยโสธร, อุบลราชธานี, อุดรธานี, นครราชสีมา และร้อยเอ็ด
อย่างไรก็ดี ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ ได้เห็นชอบหลักเกณฑ์การระบายสินค้าเกษตรทั้งข้าว มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ซึ่งประกอบด้วย 5 หลักเกณฑ์สำคัญ 1.ให้กระทรวงพาณิชย์ ปรับเปลี่ยนโครงสร้างคณะทำงาน ระบายสินค้าเกษตร โดยมอบหมายให้อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เป็นประธานคณะทำงาน เพื่อระบายสินค้าเกษตรตามแนวทางและหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้
2. ให้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบหมายให้องค์การคลังสินค้า(อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร(อตก.) ปฏิบัติหน้าที่เฉพาะการดูแลจัดเก็บสินค้าเกษตรที่รับจำนำให้ได้คุณภาพตามมาตรฐาน
3.ให้กระทรวงพาณิชย์ สำรวจปริมาณและรับรองคุณภาพของสินค้าเกษตรจากโครงการแทรกแซงราคาสินค้าเกษตรจากผู้ตรวจสอบเป็นรายคลังสินค้า 4.ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการประมูลสินค้าเกษตรเป็นรายคลัง ตามมาตรฐานคุณภาพของสินค้าที่ได้รับการรับรองจากผู้ตรวจสอบ
5.ให้คณะทำงานระบายสินค้าเกษตรเสนอกรอบยุทธศาสตร์การระบายสินค้าเกษตร จากโครงการรับจำนำของรัฐบาลแต่ละชนิด เสนอเข้าคณะอนุกรรมการแต่ละชุด โดยหากเป็นเรื่องการระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลัง ให้เสนอต่อคณะกรรมการระบายสินค้าเกษตรชุดที่มีนายกอร์ปศักดิ์ เป็นประธาน แต่หากเป็นเรื่องการระบายข้าว ให้นำเสนอต่อที่ประชุม กขช.ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานได้เลย
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ไม่ได้มีการหารือถึงกรณีบริษัทเอกชน 17 รายที่ประมูลซื้อข้าวจากสต็อกของรัฐไปแล้วราว 2 ล้านตันที่ยังไม่สามารถนำข้าวออกจากโกดังเพื่อส่งมอบให้กับประเทศผู้นำเข้าได้ ซึ่งเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ที่จะตัดสินใจแก้ปัญหา
รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลจะยังใช้วิธีการรับจำนำข้าวนาปรังในฤดูกาลผลิตปี 52 นี้ตามเดิม แต่มีความเป็นไปได้ว่าสำหรับข้าวฤดูการผลิตปีหน้าอาจจะปรับรูปแบบเป็นการใช้วิธีประกันราคาขั้นต่ำแทน เพราะเชื่อว่าประโยชน์จะตกถึงมือเกษตรกรโดยตรงมากกว่า ซึ่งเรื่องนี้คงต้องมีการพิจารณากันในรายละเอียดต่อไป
แต่ในส่วนของสินค้ามันสำปะหลังมีกำหนดเริ่มใช้ระบบประกันราคาขั้นต่ำล่วงหน้าที่ กก.ละ 1.70 บาท ตั้งแต่ฤดูการผลิตปี 52/53 เป็นต้นไป ซึ่งคณะรัฐมนตรีสัปดาห์ก่อนได้พิจารณาอนุมัติไปแล้ว จากนั้นจะพิจารณาแนวทางการประกันราคาขั้นต่ำกับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นรายการต่อไป