นายฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะสามารถประสานความเห็นที่แตกต่างของเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายทางการเงินให้ออกมาในทิศทางเดียวกันได้มากขึ้น หลังจากที่เศรษฐกิจส่งสัญญาณฟื้นตัว
นักวิเคราะห์กล่าวว่าเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของอีซีบีมีความเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องมาตรการขยายแผนซื้อสินทรัพย์ภาครัฐและเอกชน ทำให้ยังไม่มีความชัดเจนว่าที่ประชุมจะมีข้อสรุปในการเพิ่มวงเงินซื้อพันธบัตรมูลค่า 6 หมื่นล้านยูโร (8.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ตามที่ได้ประกาศไปในก่อนหน้านี้หรือไม่ ส่วนเรื่องดอกเบี้ยนั้นคาดว่าธนาคารจะตรึงไว้เท่าเดิมที่ระดับ 1% ต่อไป
"วิกฤตเศรษฐกิจถดถอยที่สิ้นสุดลงอาจทำให้อีซีบีหาทางร่วมกันได้ ขณะที่สถานการณ์ต่างๆกำลังดีขึ้น" ลอเรนท์ ไบลก์ นักวิเคราะห์จากโนมูระ อินเตอร์เนชั่นเนลในลอนดอน
เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายมีความเห็นแตกกัน 2 ฝ่ายในเรื่องการเดินตามรอยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางอังกฤษที่ลดดอกเบี้ยลงใกล้กับระดับ 0% และซื้อพันธบัตรรัฐบาลรวมถึงหุ้นกู้เอกชนมากขึ้นเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำหนักสุดในรอบ 60 ปี
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าอีซีบีจะประกาศข้อสรุปเรื่องอัตราดอกเบี้ยในวันนี้ เวลา 13:45 น.ตามเวลาท้องถิ่น และนายทริเชต์จะเปิดเผยรายละเอียดของแผนการซื้อหุ้นกู้ในเวลาต่อมา ซึ่งนักลงทุนจะจับตามองว่า ธนาคารจะซื้อหุ้นกู้ดังกล่าวในตลาดหลักหรือตลาดรอง
ทั้งนี้ เศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณถึงการฟื้นตัวที่บ่งชี้ว่าวิกฤตการเงินได้ผ่านพ้นไปแล้ว ดังจะเห็นได้จากภาคอุตสาหกรรมการผลิตและบริการของยุโรปที่ทรุดตัวน้อยลง ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในยุโรปเดือนเม.ย.พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีก็ปรับตัวสูงขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนพ.ค.
อย่างไรก็ตาม กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจยุโรปจะหดตัวลง 4.2% ในปีนี้ ซึ่งรุนแรงกว่าที่คาดว่าจะติดลบ 2.8% ในสหรัฐ