นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ในฐานะประธานกรรมการบริหารโครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน(โครงการต้นกล้าอาชีพ) ประธานลงนามความร่วมมือระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมและภาคเอกชนกลุ่มธุรกิจยานยนต์ ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ 80 บริษัท
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า โครงการนี้จะช่วยบรรเทาปัญหาเศรษฐกิจที่ชะลอตัวที่ส่งผลต่อการจ้างงาน โดยภาคเอกชนยืนยันว่าจะไม่มีการปลดคนงาน 50,000 คน และยังคงมีการจ้างงานต่อไปอีก 1 ปี
นอกจากนี้ หาก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ วงเงิน 400,000 ล้านบาท ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาแล้ว ส่วนหนึ่ง จะมีการจัดสรรงบประมาณ จำนวน 7,000 ล้านบาท มาใช้ชะลอการจ้างงานอีกกว่า 5 แสนคน และจะส่งผลให้มีการใช้งบประมาณในโครงการดังกล่าวรวมกว่า 13,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือภาคแรงงาน
ด้านนายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า นโยบายการดูแลภาคแรงงานของรัฐบาล ช่วยให้ปัญหาการตกงานภาคอุตสาหกรรมมีน้อยลง เพราะที่ผ่านมาภาคอุตสาหกรรมได้ลดกำลังการผลิตลงประมาณ 30% ทำให้การจ้างงานลดลง 30% เช่นกัน ดังนั้นโครงการต้นกล้าอาชีพ จะช่วยชะลอการเลิกจ้างได้เป็นระยะเวลา 1 ปี ทำให้ปัญหาแรงงานขณะนี้ไม่น่าเป็นห่วง แต่อาจจะมีผลต่อนักศึกษาจบใหม่บ้าง เพราะเอกชนยังไม่มีแผนการรับคนงานเพิ่ม
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์การเลิกจ้างในภาคอุตสาหกรรมขณะนี้มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากเริ่มมีคำสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ เช่น อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร ซึ่งทำให้ปีนี้คาดว่าจะมีแรงงานตกงานไม่ถึง 1 ล้านคน
ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแลเงินบาทให้อยู่ระดับ 35-36 บาท/ดอลลาร์ และให้ดูแลเงินที่ไหลเข้ามาในตลาดทุนว่าเป็นการเก็งกำไร หรือไม่