รมว.พลังงาน เตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)ชี้ขาดแนวทางการปล่อยลอยตัวราคาก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี)ให้เป็นไปตามตลาดโลก เนื่องจากจะสิ้นสุดมาตรการตรึงราคาในเดือน ก.ค.นี้ เนื่องจากขณะนี้ราคาก๊าซแอลพีจีในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันมาอีกราว 50 ดอลลาร์/ตัน โดยแนวทางดังกล่าวจะให้ตรึงราคาก๊าซหุงต้มที่ใช้ในภาคครัวเรือนเพื่อช่วยลดภาระให้ประชาชน
"กระทรวงพลังงานเห็นว่าควรปรับขึ้นราคาแอลพีจีในภาคขนส่งและอุตสาหกรรม ส่วนราคาแอลพีจีในภาคครัวเรือนน่าจะตรึงราคาไว้ต่อไป เพราะไม่เช่นนั้นจะกระทบต่อประชาชนที่มีค่าใช้จ่ายในครัวเรือนสูงขึ้นในปัจจุบันอยู่แล้ว"นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน กล่าว
รมว.พลังงาน ยอมรับว่า มีความเป็นห่วงว่าอาจจะมีการนำเข้าแอลพีจีเพิ่มขึ้นหลังจากราคาน้ำมันสูงขึ้น ขณะที่ราคาแอลพีจีตลาดโลกในเดือน มิ.ย.52 ได้ปรับสูงขึ้น 50 ดอลลาร์/ต่อตัน มาอยู่ที่ 419 ดอลลาร์/ตัน โดยขณะนี้กระทรวงพลังงานได้จ้างที่ปรึกษามาวิเคราะห์ถึงราคาแอลพีจีหน้าโรงแยกก๊าซและโรงกลั่นน้ำมัน เพื่อหาถึงระดับราคาที่เหมาะสมอยู่
ส่วนกรณีรถแท็กซี่ที่ต้องการเปลี่ยนเชื้อเพลิงจากแอลพีจีเป็นเอ็นจีวี ขณะนี้กระทรวงพลังงานยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปช่วยเปลี่ยนให้ฟรีหรือไม่ จากเดิมที่กำหนดนโยบายปรับเปลี่ยนให้ฟรี โดยมีเงินสนับสนุนจาก บมจ.ปตท.(PTT) ภายใต้หลักเกณฑ์ที่ว่าจะมีการขึ้นราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมและภาคขนส่ง แต่ไม่ขึ้นราคาภาคครัวเรือน