ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 มิ.ย.) หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) มีมุมมองในด้านลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรป นอกจากนี้ ยูโรยังถูกกดดันหลังจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของไอร์แลนด์ อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์อ่อนตัวลงเมื่อเทียบสกุลเงินเยน เนื่องจากนักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆ รวมถึงยอดค้าปลีก
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.39% แตะระดับ 1.3918 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3972 ดอลลาร์ต่อยูโร ขณะที่เงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.64% แตะระดับ 1.6079 ดอลลาร์ต่อปอนด์ จากระดับ 1.5977 ดอลลาร์ต่อปอนด์
ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลง 0.21% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 98.430 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับ 98.640 เยนต่อดอลลาร์ และดอลลาร์พุ่งขึ้น 0.39% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0896 ฟรังค์ต่อดอลลาร์ จากระดับ 1.0854 ฟรังค์ต่อดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนตัวลง 0.39% แตะระดับ 0.7899 ดอลลาร์สหรัฐต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.7930 ดอลลาร์สหรัฐต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย ส่วนค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.69% แตะระดับ 0.6210 ดอลลาร์สหรัฐต่อดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.6253 ดอลลาร์สหรัฐต่อดอลลาร์นิวซีแลนด์
ค่าเงินยูโรได้รับแรงกดดันอย่างหนักหลังจากไอเอ็มเอฟระบุว่า ระยะเวลาการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในยุโรปยังไม่แน่นอน นอกจากนี้ ยูโรยังถูกกระหน่ำขายหลังจากเอสแอนด์พีปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของไอร์แลนด์ลงสู่ระดับ AA ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน ส่งผลให้ในช่วงเช้าค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดบ 1.3806 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์
สำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด รายงานว่า ดัชนีแนวโน้มการจ้างงานของสหรัฐเพิ่มขึ้นแตะ 89.9 จุด ในเดือนพ.ค.จากเดือนเม.ย.ที่ 89.7 จุด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานสหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 16 เดือน
การรายงานดัชนีแนวโน้มการจ้างงานมีขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) ประจำเดือพ.ค.ปรับตัวลดลง 345,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าที่คาดว่าจะร่วงลง 520,000 ตำแหน่ง สะท้อนให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐกำลังทุเลาลง
นักลงทุนรอข่าวจากธนาคารกลาง สหรัฐ (เฟด) และกระทรวงการคลังที่จะประกาศรายชื่อธนาคารที่ได้รับอนุญาตให้ชำระคืนเงินโครงการ TARP เร็วๆนี้ อีกทั้งจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆของสหรัฐ โดยเฉพาะยอดค้าปลีกประจำเดือนพ.ค.ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ายอดค้าปลีกจำเดือนพ.ค.จะเพิ่มขึ้น 0.5% ซึ่งจะเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน เนื่องจากยอดขายรถยนต์ปรับตัวเพิ่มขึ้น