ดัชนีราคาผู้ผลิตของญี่ปุ่นเดือนพ.ค.ร่วงลงหนักสุดในรอบกว่า 22 ปี ซึ่งข้อมูลดังกล่าวยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงสัญญาณบ่งชี้ว่า ญี่ปุ่นอาจเผชิญกับภาวะเงินฝืดในอนาคต
ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) กล่าวว่า ดัชนีราคาผู้ผลิตร่วงลง 5.4 จากระดับในปีที่แล้ว ซึ่งทำสถิติทรุดฮวบลงหนักสุดนับตั้งแต่ปี 2530 ขณะที่นักวิเคราะห์จากโพลล์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะตกลง 5.1% ขณะเดียวกันบีโอเจคาดว่า ดัชนีราคาผู้ผลิตอาจทรุดตัวลง 7.5% ในรอบปีที่สิ้นสุด ณ เดือนมี.ค.2553 และลดลง 1.8% ในปีต่อไป ในปีนี้ดัชนีราคาคาดว่า จะร่วงลงอีกจากภาวะอุปสงค์ที่อ่อนแอและราคาน้ำมันที่เคลื่อนไหวในระดับต่ำกว่าเมื่อปี 2551 ขณะที่เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) กล่าวว่า ริโอ ทินโต กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตสินแร่เหล็กรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกตกลงที่จะลดราคาสัญญาสินแร่เหล็ก 33% ให้กับให้กับนิปปอน สตีล คอร์ป, เจเอฟอี โฮลดิ้ง อิงค์ และซูมิโตโม เมทัล อินดัสทรีส์ เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี
โยชิกิ ชินเกะ นักวิเคราะห์จากสถาบันได-อิจิ ไลฟ์ รีเสิร์ช กล่าวว่า "แม้ว่าเราจะเพิ่งเห็นถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา แต่เราก็มองว่าราคาสินค้าจะยิ่งตกต่ำลงในอีกไม่กี่เดือนต่อจากนี้ และขณะนี้ญี่ปุ่นก็เผชิญกับภาวะเงินฝืดแล้ว"
ขณะเดียวกัน รายงานข้อมูลเศรษฐกิจอีกฉบับระบุว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรในเดือนเม.ย.ลดลง 5.4% ซึ่งร่วงแรงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า จะตกลงเพียง 0.6%
ทั้งนี้ กระแสคาดการณ์ราคาสินค้าที่ลดลงในอนาคตอาจทำให้ผู้บริโภคและภาคเอกชนชะลอการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผลกำไรและทำให้บริษัทต่างๆลดค่าจ้างแรงงาน ซึ่งจะกลายเป็นภัยคุกคามเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวในยามที่ผลผลิตอุตสาหกรรมและการส่งออกเริ่มมีเสถียรภาพหลังจากที่ดิ่งหนักเกินคาดในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา