แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการบีโอไอวันนี้จะพิจารณาอนุมัติส่งเสริมการลงทุนเพิ่มเติมอีก 7 โครงการ ซึ่งมีมูลค่ารวม 43,561 ล้านบาท พร้อมทั้งพิจารณามาตรการจูงใจนักลงทุนเพิ่มเติม เช่น ส่งเสริมและจูงใจให้บริษัทที่ได้รับสิทธิจากบีโอไอเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, ทบทวนวงเงินส่งเสริมการลงทุนสำหรับเอสเอ็มอีเพื่อกระตุ้นให้ขยายการลงทุนและเกิดการลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น
สำหรับโครงการที่จะพิจารณาอนุมัติ ได้แก่ โครงการผลิตถังบรรจุก๊าซธรรมชาติ(เอ็นจีวี)ของนายเจรูจิ โคล่า วงเงินลงทุน 2,000 ล้านบาท กำลังการผลิตปีละ 200,000 ถัง ตั้งโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราช จ.ระยอง, โครงการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ วงเงินลงทุน 2,400 ล้านบาท กำลังการผลิตระบบกันสะเทือน ระบบเพลา ระบบเบรก ปีละ 1.3 ล้านชิ้น ตั้งโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราช จ.ระยอง เช่นกัน,
โครงการวางท่อขนส่งปิโตรเลียมของบริษัท สุโขทัยปิโตรเลียม วงเงินลงทุน 30,755 ล้านบาท ระยะทาง 130 กิโลเมตร จากฝั่งทะเลอันดามันที่ จ.สตูล ไปยัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมปีละ 535 ล้านบาร์เรล, โครงการผลิตน้ำเพื่ออุตสาหกรรมและระบบบำบัดน้ำเสียจากภาคอุตสาหกรรมของบริษัท เอ็มทีพีเฮชพีพีโอ เมนูแฟคเจอริ่ง วงเงินลงทุน 2,257 ล้านบาท โดยเป็นการลงทุนผลิตน้ำเพื่ออุตสาหกรรมวงเงิน 1,127 ล้านบาท และระบบบำบัดน้ำเสียภาคอุตสาหกรรมอีก 1,130 ล้านบาท ตั้งโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมเอเชีย จ.ระยอง,
โครงการขนถ่ายสินค้าจากเรือเดินทะเลของบริษัท มาบตาพุดแท้งค์เทอร์มินอล วงเงินลงทุน 1,889 ล้านบาท เพื่อขนถ่ายสินค้าปีละ 72,000 ตัน, โครงการขนถ่ายสินค้าจากเรือเดินทะเลของบริษัท ระยองเทอร์มินอล วงเงินลงทุน 4,260 ล้านบาท เพื่อขนถ่ายสินค้าปีละ 320,000 ตัน และบริษัท สยามคูโบต้า จำกัด ผู้ผลิตรถไถนา ขอลดหย่อนภาษีอากรขาเข้าวัตถุดิบในกลุ่มเครื่องจักรและชิ้นส่วนยานยนต์ เพื่อนำมาผลิตรถไถนา กำลังการผลิตรถไถนาปีละ 42,500 คัน