นักวิเคราะห์คาดว่า จีนคงจะไม่เผชิญกับภาวะเงินเฟ้อภายในช่วงสิ้นปีนี้ อีกทั้งยังไม่มีแนวโน้มว่าธนาคารกลางจีนจะลดดอกเบี้ยลงอีกเมื่อพิจารณาจากการข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ได้มีการเปิดเผยออกมาเมื่อเร็วๆนี้ ไม่ว่าจะเป็นยอดการปล่อยเงินกู้ของจีนในเดือนม.ค.-เม.ย.ที่ 5.17 ล้านล้านหยวน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงขึ้นถึง 3.37 ล้านล้านหยวนเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว สินเชื่อที่เติบโตแบบก้าวกระโดดนี้กระตุ้นให้เกิดการลงทุนและการบริโภค อีกทั้งยังลบล้างการคาดการณ์เรื่องภาวะเงินฝืด
นอกจากนี้ อัตราการลงทุนในสินทรัพย์คงที่ของจีนช่วง 5 เดือนแรกก็เพิ่มขึ้น 32.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี มูลค่า 5.352 ล้านล้านหยวน คิดเป็นอัตราการขยายตัวที่สูงกว่าสถิติในช่วง 4 เดือนแรก 2.4% ส่วนโครงการการลงทุนของรัฐบาลก็เพิ่มขึ้น 28% แตะ 4.73 แสนล้านหยวน ในช่วงเดือนม.ค.-พ.ค. ขณะที่โครงการลงทุนของรัฐบาลท้องถิ่นเพิ่มขึ้น 33.4% แตะ 4.87 ล้านล้านหยวน
ด้วยการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนปรน จึงคาดว่าการขยายตัวของสินเชื่อจีนจะสูงกว่า 6 แสนล้านหยวนในเดือนพ.ค. ซึ่งสินเชื่อที่สูงขึ้นช่วยส่งเสริมความเชื่อมั่นในตลาดด้วยเช่นกัน
นักวิเคราะห์ของเซี่ยงไฮ้ ซิเคียวริตีส์ คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ของจีนจะปรับตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง แม้ว่าจะปรับตัวขึ้นในจังหวะที่ชะลอตัว ส่วนแนวโน้มของการเกิดเงินเฟ้อภายในช่วงปลายปีก็แทบจะไม่มี
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เฉิน เตาฟู เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาของคณะรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า แบงค์ชาติจีนคงจะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนปรนต่อไปอีกในอนาคตอันใกล้นี้ ราคาสินค้าประเภทวัตถุดิบที่สูงขึ้นในตลาดต่างประเทศเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดการคาดการณ์เรื่องเงินเฟ้อ เนื่องจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า และการคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจจีนจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง มากกว่าจะมาจากปัจจัยดีมานด์ที่สูงขึ้น จีนยังจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนทางการเงินเพื่อส่งเสริมให้เศรษฐกิจขยายตัวต่อไป ขณะที่การลงทุนในภาคเอกชนยังคงอยู่ในภาวะชะงักงัน