ยอดปล่อยเงินกู้ล็อตใหม่ของจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นสองเท่าในเดือนพ.ค.จากปีก่อนหน้านี้ หลังรัฐบาลกระตุ้นการออกสินเชื่อเพิ่มเติมจากประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวน (5.86 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ธนาคารกลางจีนเผยว่า ยอดปล่อยเงินกู้ล็อตใหม่ในเดือนพ.ค.อยู่ที่ 6.645 แสนล้านหยวน ขณะที่เงินทุนหมุนเวียนในระบบ M2 เพิ่มขึ้น 25.7%
รัฐบาลกำลังพยายามหาทางกู้วิกฤตภาคการส่งออกตกต่ำอันเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยด้วยการกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ ขณะที่ฟิทช์ เรทติ้งส์แนะว่า ภาคธุรกิจธนาคารของจีนต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นเนื่องจากมีการคาดหมายว่าตัวเลขหนี้เสียจะเพิ่มขึ้น โดยเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของธนาคารได้เรียกร้องให้สถาบันปล่อยเงินกู้บริหารจัดการเงินกู้อย่างเข้มงวด
ฮา จีหมิง นักวิเคราะห์จากไชน่า อินเตอร์เนชั่นแนล แคปิตอล คอร์ปในฮ่องกงกล่าวว่า "การใช้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นวิธีที่ดีในระยะสั้นแต่หากใช้ในระยะยาวแล้วจะทำให้จีนต้องมีค่าใช้จ่ายสูง"
นอกเหนือจากความเสี่ยงเรื่องหนี้เสียแล้ว การปล่อยสินเชื่อมากอาจทำให้ราคาสินทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้นและทำให้มีความเป็นไปได้ว่าจะทำให้จีนเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อครั้งใหม่ ขณะที่ในปีนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนไต่ระดับขึ้น 54% แล้ว
ดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนพ.ค.ปรับตัวลดลง 1.4% จากปีก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะมีปริมาณเงินหมุนเวียนไหล่บ่าเข้ามาในระบบเศรษฐกิจมากก็ตาม ขณะที่เศรษฐกิจจีนในไตรมาสแรกขยายตัว 6.1% ซึ่งเป็นระดับการขยายตัวช้าที่สุดในรอบเกือบ 10 ปี เนื่องจากการส่งออกซบเซา
"การขยายตัวของสินเชื่อนับเป็นความเคลื่อนไหวที่ดีสำหรับเศรษฐกิจและตลาดหุ้นในระยะสั้น" พอล คาเวย์ นักวิเคราะห์จากแมคไควรีย์ ซีเคียวริตี้ในฮ่องกงกล่าว "แต่จะเป็นผลเสียต่อระบบธนาคารและเศรษฐกิจในระยะกลาง"
ด้านหวัง เต๋า นักวิเคราะห์จากยูบีเอส เอจีในกรุงปักกิ่งคาดว่า ยอดการปล่อยเงินกู้ล็อตใหม่ในปีนี้อาจพุ่งไปแตะระดับ 8 ล้านล้านหยวน