เศรษฐกิจอังกฤษจะยังไม่ขยายตัวจนกว่าจะถึงปี 2553 ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษอาจต้องขยายแผนการตีพิมพ์ธนบัตรเพิ่มเติม เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจภายในประเทศ
สมาพันธุ์ภาคอุตสาหกรรมอังกฤษ (CBI) คาดว่าผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จะตกลง 0.3% ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ และจะอยู่ที่ระดับ 0.1% ในช่วงไตรมาส 3 ก่อนที่จะหยุดชะงักในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
พอล ฟิชเชอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของธนาคารกลางอังกฤษกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า อังกฤษไม่ควรชะล่าใจต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่อาจตกต่ำลง หากธนาคารยังไม่วามารถออกเงินกู้ได้มากพอ ด้านเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของธนาคารย้ำถึงแผนการตีพิมพ์ธนบัตรเพิ่มอีก 1.25 แสนล้านปอนด์ (2.06 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากที่ได้รับอนุญาตให้มีการพิมพ์ทั้งสิ้น 1.50 แสนล้านปอนด์ และนำไปใช้ในตลาดตราสารหนี้ในประเทศ
"เรายังมีหนทางกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนที่เศรษฐกิจจะตกต่ำลงอีก" เอียน แมคแคฟเฟอร์ที ประธานที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของ CBI กล่าว "พวกเขาอาจต้องพิจารณาเพิ่มการตีพิมพ์ธนบัตรจาก 1.50 แสนล้านปอนด์ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเศรษฐกิจจะไม่ถอยหลังเข้าคลองอีก"
ทั้งนี้ การฟื้นตัวเศรษฐกิจที่เชื่องช้าจะส่งผลกระทบต่อรายได้ในการจัดเก็บภาษี ซึ่งจะทำให้เกิดยอดขาดดุลการค้าที่เพิ่มสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ต้องรับภาระอย่างหนักในการช่วยให้ประเทศรอดพ้นจากภาวะถดถอย
อย่างไรก็ดี CBI กล่าวว่า เศรษฐกิจจะขยายตัวได้อีกครั้งในช่วงไตรมาสแรกของปี 2552 ที่ระดับ 0.1% และจะขยายตัว 0.3% ในช่วงไตรมาส 2 แต่อัตราว่างงานจะยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆสู่ระดับสูงสุดกว่า 3 ล้านราย