นายสมบัติ ศานติจารี ผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์การใช้ไฟฟ้าของประเทศมีแนวโน้มติดลบเฉลี่ยทั้งปี 52 ที่ 3.4% เนื่องจากสถิติการใช้ไฟฟ้าในแต่ละเดือนลดลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจ จากที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์)คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะติดลบราว 4.5 %
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า กฟผ.มีความกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น มาอยู่ในระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรล เพราะจะมีผลต่อต้นทุนค่าไฟฟ้าในอนาคตให้ปรับสูงขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่ออัตราการคืนเงินในส่วนของค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ(เอฟที)ที่ปัจจุบัน กฟผ. ได้รับเงินคืนไปแล้ว 3,200 ล้านบาท/ไตรมาส และคาดว่าจะได้เงินคืนทั้งหมดภายในปลายปี 53 โดยตามแผนนี้คำนวณจากราคาน้ำมันดิบดูไบที่เฉลี่ย 45-55 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำหรับ ค่าเอฟทีติดค้างดังกล่าวเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปลายปี 51 เป็นวงเงินรวม 20,000 ล้านบาท โดยรัฐบาลขอให้ กฟผ.รับภาระไปก่อน ซึ่งเป็นราคาต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่พุ่งสูงขึ้นตามราคาน้ำมันที่ขึ้นไปสูงสุดถึง 147 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อกลางปี 52