นายกรณ์ จาติกวนิช รมว.คลัง ยืนยันว่า รัฐบาลจะทำการกู้เงิน 2 แสนล้านบาทภายใต้ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจที่ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อคืนนี้ เพื่อนำไปสมทบเข้าเงินคงคลังทั้งหมด โดยไม่มีแผนที่จะปรับลดวงเงินสมทบให้เหลือเพียง 1.5 แสนล้านบาทตามที่ปรากฎเป็นข่าว
ส่วนวงเงินกู้ที่เหลืออีก 2 แสนล้านบาท เป็นการกู้เงินเพื่อสำหรับใช้ในโครงการลงทุนตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555
แต่อย่างไรก็ดี รัฐบาลเชื่อว่าจะสามารถจัดเก็บรายได้ช่วงท้ายปีงบประมาณ 52 ได้ดีขึ้นกว่าที่คาดไว้ ซึ่งจะทำให้สามารถนำเงินกู้ส่วนหนึ่งที่จะต้องสมทบเข้าเงินคงคลังไปใช้จ่ายในโครงการลงทุนตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 ได้เพิ่มขึ้น
รมว.คลัง กล่าวว่า จากนี้จะกำชับให้รัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ติดตามดูแลโครงการลงทุนแต่ละโครงการ เพื่อให้มีเงินลงทุนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ตามแผนที่กำหนดไว้ พร้อมกำชับให้ดำเนินโครงการต่างๆ อย่างโปร่งใส เนื่องจากเป็นโครงการลงทุนที่ประชาชนต่างจับตาดูอยู่
ส่วนการจัดหาแหล่งเงินนั้น กระทรวงการคลังพร้อมดำเนินการจัดหาแหล่งเงินที่เหมาะสมเพื่อรองรับโครงการลงทุนให้มากที่สุด
"หากโครงการลงทุนใดไม่สามารถสร้างได้ตามที่กำหนด ก็พร้อมปรับเปลี่ยนโครงการให้เหมาะสม...หลังจาก พ.ร.ก.กู้เงินฯ ผ่านสภาฯ แล้วจากนี้จะตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาความเหมาะสมการจัดสรรงบประมาณแต่ละโครงการ" รมว.คลัง กล่าว
รมว.คลัง กล่าวอีกว่า การที่คณะรัฐมนตรีนัดพิเศษวานนี้(15 มิ.ย.) ได้จัดสรรงบประมาณเพิ่มให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาอีก 4,000 ล้านบาท เพื่อจัดสร้างอาคารเด็กเล็กและศูนย์การท่องเที่ยวนั้นเป็นงบประมาณเดิมที่รัฐบาลเคยอนุมัติ ตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งวงเงิน 1.4 ล้านล้านบาท และยังเห็นว่ามีงบประมาณเหลืออยู่กว่า 1 แสนล้านบาทที่กระทรวงการคลังพร้อมจะจัดสรรในโครงการที่เห็นว่ามีความโปร่งใสและช่วยฟื้นเศรษฐกิจได้
โดยยืนยันว่าไม่ได้เป็นการจัดสรรงบประมาณเพื่อเอาใจพรรคร่วมรัฐบาลก่อนจะมีการลงมติ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ